ชีวิตทหารเกณฑ์ 2 ( จากบันทึกพลทหาร )

Posted: 03/20/2008 in Diary

ไปขุดเจอ ซากโบราณอันหนึ่ง ซึ่งผมเองก็ลืมว่าเคยพิมพ์ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่….

***ข้อความจากเศษ แฟ้ม…. ที่พิมพ์แล้วก็ลืมเลือนไปว่าเคยพิมพ์ไว้ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะพิมพ์ไว้ตั้งแต่ตอนยังเป็นทหารอยู่แล้วได้กลับมาบ้าน….

วันที่ลุ้นที่สุดวันนึงของชีวิตลูกผู้ชาย ( ไม่รวมวันเข้าเรือนหอ…… )
วันที่คุณมาตามหมายนัด มาเพื่อจับใบ ดำ-แดง ( มันไม่ใช่ ชื่อของ มอเตอร์ ทามิย่า ที่ ครั้งนึงในวัยเยาว์ เคยได้ยิน )
( ความเสียวนี้ไม่นับรวมสำหรับคนที่ เรียน รด. มา ( แต่ก็หมายถึงพวกที่เรียนจบสมบูรณ์ หลักฐานพร้อมนะ )

มันก็ไม่มีอะไรคุณย่างก้าวมา ยังจุดนัดหมายของเขตนั้นๆ บรรยากาศ ที่พบ คือ คนรุ่นเดียวกับคุณ เดินกันว่อน ( ถ้าคุณมาสายกว่านั้นอีกสักหน่อยและ สังเกตุดีดี จะมีคนบางกลุ่มนั่ง ก๊งเหล้าอยู่ บ้าง เป็นหย่อมๆไป ) คุณ อาจ เดินไปพบเจอ เพื่อนเก่า สมัยเรียน ๆ ได้ในที่นั่น และอาจทักกัน สองสามคำแล้วก็เดินแยกจากกันไป เพราะ ความที่อาจไม่ค่อยสนิทกันเหมือนเก่า หรือ เพื่อน คุณ มากับเพื่อนใหม่ของเค้า ก็ตามที ) คุณอาจต้องรอ ถึง ดึก เพื่อจะ เริ่ม พิธีการ จับ ใบ ดำ-แดง
มันก็ไม่มีอะไรมากอีกนั่นแหละ ถึงเวลาจริงมันก็แป๊บเดียว…. เสียงตะโกน รอบข้าง มันก็จะดัง เป็นคำว่า " ทบ.1 " ซึ่งหมายถึง …. ทหารบก ผลัด ที่ 1 นั่นแหละนะ…. ถ้า ตำแหน่งคุณ จับหลังๆ คุณก็จะลุ้น คนจับใบแดงเยอะๆ ไม่ว่ายังไง พอถึง ตาคุณจับ เสียงคนรอบข้างมันก็จะเบาลง เพราะคุณจะจดจ่อว่า … พอคุณเอามือล้วงลงไปใน กล่องใบนั้น คุณ ควรจะดึง เอา กระดาษ แผ่นไหนดี? ถ้า คุณได้ใบดำ ก็ ขอแสดงความยินดีด้วย คุณ จะได้ใบปลดวันนั้นเลย คุณ ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับ ทหารคุณ ก็ จะถอนหายใจโล่งอก แล้ว เดิน ออกไปพบญาติ ด้วยรอยยิ้ม ( ห้ามพูดคำว่า " ผมอยากจับได้ใบแดง อยากเป็นทหาร เพราะถ้าคุณอยากจริง คุณ น่าจะไปสมัครเองได้ – -" ( ยกเว้นแต่ คนที่ถูกคัดออก เพราะตัวเล็กเกิน อะไร แบบนั้น… ช่วยไม่ได้คับเสียใจด้วย ) )
ถ้าคุณจับได้ คุณ ก็จะ รู้สึกวูบวาบนิดหน่อย อันนี้มันก็แล้วแต่คน… ( ผม เห็น พระองค์ นึงจับได้ เค้าทรุดลงไปนอน แอ้งแม้ง ( ผม มิได้มีเจตณาว่าร้าย แต่ประการใด ผม คิดว่า เค้าคงมีเรื่องหนักใจอยู่ถึงได้ล้มตึงไปแบบนั้น ) ก็ ต้องให้ ทหาร มาหิ้วปีก ไป ประทับ รอยนิ้วมือ …. ) ส่วนตัวผม เอง นั้นได้ ทบ.2 …. ผลัดที่สอง… ดีใจ ที่ผมยังมีเวลา ผักผ่อนเตรียมทำใจ อีก หลายเดือน กว่าจะถึง พฤจิกายน….
ผลัด 1 กับ 2 บางคนอาจคิดว่า ไม่มีอะไร ต่าง … จริงๆ แล้วต่างกัน มากเลย… มากพอสมควร ( ผมทราบแต่ สำหรับ ทหารบกนะคับ ส่วน ทหารเรือ กับ ทหารอากาศ นั้นผมไม่ทราบจริงๆ )
ผลัด 1 มันก็จะ เป็นช่วง ที่จะมีฝนตก อากาศชื้น แปลว่า ดีไม่ดีคุณ อาจได้ นอนกลางน้ำที่ขัง อยู่ในสถานที่ฝึกก็ได้
ผลัด 2 ก็จะเข้าสู่หน้าหนาว…. คงไม่ต้องบอกอะไรมากมันก็ หนาวนั่นแหละ ใคร ไปตกต่างจังหวัด ก็ทำใจไว้ครับ
ผลัด 1 ยุงอาจมากกว่า ผลัด 2 ความลำบาก ของ ผลัด 1 อาจมากกว่า ผลัด 2 ตอน ภาคสนาม หาก คุณได้ไปบุกป่า รกทึบ ซึ่ง มี แต่ หญ้าชุ่มๆ ยุงตรึมๆ และ อาจ มี สัตว์อื่นที่คุณไม่อยากเจอ ด้วยก็ได้ ส่วน ผลัด 2 คุณ ก็ อาจสบายได้ไปเจอ กับ ที่แห้งๆ มี แต่ ฝุ่น เหมือนกับผม ก็ได้ ( ผม ผลัดสอง ได้ ไป ลพบุรี … )
ในช่วงท้าย ของ ผลัด 1 จะ มีการฝึก " แถวชิด " ผม รับประกันได้ว่า วิ่งกันขาลากแน่…
ส่วน ผลัดที่ 2 ก็ เหอๆ " สวนสนามสาบารธง " ที่ ร.11 รับรอง คุณ เดินตบเท้าแตก แน่ เหมือนกัน…. ( คุณ จะได้ ออก ทีวีด้วยล่ะ…. ) เดินสวนสนาม ไม่ใช่ เดินสวนสยาม จะได้เดินสบายๆ อันนี้ เดิน เท้าเตะสูง ประมาณว่า เตะให้ โดนก้นคนหน้า แถมคุณ ต้อง ถือปืน ทำวันทยาวุต เป็นเวลานานๆ ด้วยปืน M16 ( มันก็ยังดี กว่า ไปถือ HK33 ซึ่งจะหนักกว่า ) ยังไงก็ดี หากคุณ ได้อยู่แถว หลัง ก็ยังมี เหลี่ยม ลูกล่อลูกชนบางอย่างทำให้คุณสบายได้ ( ด้วย ลวด เส้นเดียว )
ขอข้ามไปเลย ถ้า คุณ จับได้ ผลัด 1 คุณ ก็จะมีเวลาเตรียมตัวไม่กี่วัน
*สำคัญมากๆ ผม ไม่แนะนำให้คุณ เอา เอกสาร สำคัญ พวก บัตร ทางราชการ อะไรสักอย่างติดตัวไป ในวันมอบตัว เด็จขาด … ( ผม พึ่งมารู้ทีหลังว่ามันทำความลำบากให้ผม เนี่ยแหละ ) บัตร ประชาชน ใบขับขี่ ใบเกิด ทะเบียนบ้าน ไม่ต้องเอาไป เอาไปแต่ ตัว ของใช้เค้ามีให้ ไม่ต้องกลัว เอาไป ดีไม่ดีเจอ ขโมย ไม่ต้องหวังว่าจะมีเวลาให้ ทำ กิจกรรม อะไรมากมาย ( พวก ผม ได้เวลาขี้ แค่ สองนาที เอง!! ) เอาไปแต่ตัว เชื่อ ผม เห๊อะ ผกตังไปฝาก อีกนิดหน่อยจะดี …
วันแรกที่คุณ เข้าสู่รั้วสีเขียว แบบยังไม่เต็มตัว คุณจะ มานั่งอยู่ใน โรงยิม เพื่อ คัดว่า คุณจะไปตกหน่วยไหน ผมก็ไม่ค่อยรู้ลึกเท่าไหร่นะคับได้ยินมาอีกทีว่า ถ้าตก ต่างจังหวัด ก็จะ ฝึกหนักกว่าในกรุงเทพ ส่วน ในกรุงเทพ ที่ฝึกหนัก ก็ ร.11 … ทหารราบ ไงก็แนวหน้าคับ… ผมทราบมาว่า ในการ ฝึกทหารใหม่ นั้น… สามารถจำหน่ายตายได้ 5 เปอร์เซ็นต์… แปลว่า หาก ฝึก ร้อยคน ก็ ตายได้ 5 คน แต่ อย่าคิดมากไปเลย ถ้าจะตาย เค้าก็ตายกันหมดแล้ว…. ( แต่ไม่ว่าไง ก็ต้อง เซฟตัวเองไว้บ้างจะดี )
พอคุณ ทราบถึง หน่วย ที่คุณได้ไปอยู่แล้ว ก็จะมี พี่เลี้ยงมารับตัวคุณไป พี่เลี้ยง อาจเป็น ครูทหารใหม่ ( ผลทหารเหมือนคุณ แต่เป็นผลัดก่อน หน้าคุณและ ลงมาเป็นครู สอนคุณ ) หรือ ครูนายสิบ ( ทหารที่เรียนโรงเรียนนายสิบจบมา ) หรือ อาจ มี ผู้ฝึก มาคุมด้วยก็ได้ รวมถึง จ่าต่างๆ ในวันนั้นคุณอาจรู้สึกเฉยๆ ก็ได้… ไม่นาน เค้าก็จะ พาคุณ ไป ขึ้นรถ เพื่อออกเดินทาง ไปยังสถานที่ฝึก… ใครตกต่างจังหวัด ก็ นะ… นานครับ
พอถึงที่ฝึก อาหารมื้อแรก ขอให้คุณ พึงนึกไว้ว่ามันจะเป็นมื้อ ที่สบายที่สุดแล้ว… ในชีวิตทหารช่วงแรกๆ
มันจะเป็นการกินที่ ฟรีสไตล์ มากๆ สองสามวันแรก จะไม่ค่อยมีอะไร คุณ จะทำเรื่อง พวก ธุรการต่างๆ เช่น ตัดผม แจกเสื้อผ้า ทบ. ได้รับชุด พื้นฐาน ( ชุดกีฬา หรือ อีกชื่อ คือ ชุด เป็ดน้อย…. ) อย่าถามว่า สีอะไร เพราะมันจะเป็น สีเขียาทั้งหมด ตั้งแต่ เสื้อ กางเกง ผ้าเช็ดตัว จนถึง… กางเกงใน ก็เป็นสีเขียว ( ไงล่ะ เลือดสีเขียวเริ่ม ซึมเข้าตัวบ้างแล้วซิ… เหอๆ ) คุณ อย่าคิดว่า มาถึง คุณ ก็จะได้ ใส่ชุดพราง ง่ายๆ ยังหรอก คุณ อาจได้เห็น หน้าตา ชุดพราง รองเท้าจังเกิ้ล แต่คุณยังไม่ได้ใส่มันในวันแรกๆ หรอกคับ…. รอไปเห๊อะ ( แต่สำหรับบางที่ ที่ฝึกเบา ผม ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ของผมกว่าจะได้ใส่ก็ต้องมี พิธี " รับ " ก่อน รับที่ว่า คือ การ เสียเหงื่อ แลกมาน่ะคับ อาจด้วยการ ออกกำลังสักหน่อย ( … ) )
ช่วงแรก ก็ยังไม่มีอะไรมาก คุณ อาจยังต้องฝึกฝนในเรื่องพื้นฐาน หลายๆ เรื่อง เช่น คำสั่งพวกนี้ ซ้ายหัน ขวาหัน กลับหลังหัน จัดแถว นับตลอด นับ นิ่ง นั่ง นั่งราบ พื้นๆ อะไรพวกนี้ รวมถึง การกินฉาก และ ระเบียบในการรับ ประทาน อาหาร จนการ ขออณุญาติ รับอะไหล่ ( รับ อาหาร เพิ่ม ) การ รายงานตัวต่างๆ และ รู้จักระบบ บั้ดดี้ ( คู่หู )
พอเริ่มชินได้ที่ คุณ จะมาเริ่มรู้จักท่ากายบริหารต่างๆ ที่จะ ต้องทำ สองเวลา คือ เช้า และ เย็น ( เค้าเรียกกันว่า PT ) หลังจากนั้น ไม่นานนัก คุณจะเริ่มรู้จักกับคำว่า แหลม … และ รู้จักกับการลงโทษ ในแบบ ทหาร ( ยุคใหม่ ) ด้วยการซ่อม ( เด๋วนี้เค้าไม่มี แล้ว ซ้อมน่ะ… ยกเว้น แต่ คุณจะไปเข้าตา ครูฝึกทหารใหม่ … แล้วเจอ เค้าแอบ ซ้อมนั่นคือ ซวยจ้า หลักง่ายๆ จงอย่าเด่นเกิน จะลำบาก ทำตัวกลางๆ จะสบาย ) คำสั่งซ่อม ก็คือ การลงโทษ โดยให้เราทำ ท่าออกกำลังกาย เรียกเหงื่อ นั่นแหละ…. มี สั่ง อยู่สองรูปแบบ หลัก คือ สั่งเป็น ครั้งและสั่งเป็นยก …. ถ้าสั่งเป็นยก คุณจะต้องนับเป็นจังหวะ ทุกๆ การกระทำ ง่ายๆ เช่น วิดพื้น คุณต้อง นับ ทั้ง ตอนที่ คุณ เอาตัวลง และ ดันตัวขึ้น เช่น เอาตัวลง นับ หนึ่ง ดันตัวขึ้นนับสอง และ เอาตัวลงนับสาม แล้ว ดันตัวขึ้น นับ หนึ่ง … หนึ่งครั้งสุดท้าย หมายความว่า ครบ หนึ่งยก มี สี่จังหวะ หนึ่ง สอง สาม หนึ่ง … หนึ่งสองสามสอง… ประมาณนี้ …
ท่า พื้นๆ
แกงการู
ดันพื้น ( วิดพื้นนั่นแหละ )
โดดสลับเข่า ( สก๊อตจั้ม ที่รู้จักสมัยเรียน ลูกเสือ สำรอง )
แทงปลาไหล ( ก็คล้ายๆ ลุกนั่ง )
ลุกนั่ง ( ตามชื่อคับ )
ม้วนหน้า ( น่าจะรู้นะคับ )
กลิ้ง ( คงไม่ต้องบอกอะไรมาก )
หมอบ ลุก นอนหงาย ( มันจะมาเป็นชุด ลำดับแล้ว แต่ ครูฝึกจะสั่ง… ความ เหนื่อย รับรอง มีแน่ๆ เหอๆ ฝุ่นนี่เต็มคับ )
พุ่งหลัง ( ท่า มาตราฐาน เลยก็ว่าได้ …. ศัพท์ ที่ได้ยิน บ่อยๆ แสดงว่า จะโดนลงโทษ นิยมพูด ว่า " พุ่ง " เช่น วันนี้ มึงโดนซ่อมแน่ " วันนี้เตรียมพุ่งแน่ " …. เป็นที่รุ้กัน… )
เดินปู
เดินเป็ด
กางมุ้ง
โดดร่ม
ปั่นจิ้งหรีด ( เหล้า ทบ. )
ยิงค๊อบเตอร์ ( คล้าย ปั่นจิ้งหรีด แต่ เอา มือ จิ้มฟ้า )
จะมีท่าที่ Advanced ขึ้นมาอีกหน่อย คือ
กอดคอ พุ่งหลัง
กอดคอ ลุกนั่ง
กอดคอ โดดสลับเข่า ( ท่าปราบเซียนคับ โดยเฉพาะคนที่ตัวหนักๆ )
กอดคอ ม้วนหน้า ( ร้าวแน่ครับ เจอ ท่านี้ เพื่อนๆ ผม เจอ กอดกัน แปดคน ….. )
ม้วนหลัง… ( อย่าคิดว่าไม่มี คับ )
กุ้งเต้น
แถปลาหมอ ( แผลถลอก เต็มหน้าอก เต็มหลัง )
คลานศอก ( รับรอง ว่า คงได้เห็นเลือด ตามปลายศอก เค้าเรียกว่า เปิดจุก )
พุ่งหน้า ( ผมว่า มัน ทำง่ายกว่าพุ่งหลังนะ แต่ ทำเร็วๆ ก็ไม่ไหว ท่านี้ ไม่ค่อยมีคนสั่ง )
ขี่คอลุกนั่ง ( คุณจะได้ยินเสียงร้องจากหัวเข่า คุณ – -" )
ลิงอุ้มแตง ( คุ้น ? )
ข้าวต้มมัด ( ท่านี้ ก็ ได้เลือดเอาง่ายๆ )
แกงการู แด้นซ์ ( อันนี้เน้นฮา แต่… ถ้าเจอ เยอะๆ ก็ เมื่อย )
แทงปลาไหล แด๊นซ์ ( อันนี้ ฮา ยิ่งใคร ทำฮา ก็ ยิ่งฮา )
กุ้งเต้นแด๊นซ์ ( เหนื่อย รับรองเลย )
พุ่งหลังแด๊นซ์ ( เหนื่อย เหมือนกัน )
พุ่งหลังยุบข้อ ( พุ่งหลัง + วิดพื้น .. )
พุ่งหลังยุบข้อ หลายจังหวะ ( พุ่งหลัง + วิดพื้น หลายหน… เหงื่อออกอย่างไว )
จงอางหวงไข่ ( หรือ ทอดสมอ ของทหารเรือ มั้ง )
บัวตูมบัวบาน
เก้าอี้ทบ.
มีอีกเยอะแต่จำไม่ค่อยได้ ส่วนมาก จะ โดน แต่ พุ่งหลัง
ถ้า เวลา ยืนอยู่
เค้าสั่ง กอดคอ และ สั่ง จำนวนยก แปลว่า คุณเจอ ท่า กอดคอลุกนั่ง
แต่ถ้าเค้าบอกว่า กอดคอ โดยใช้มือเดียว แล้ว สั่งให้ แถวหลัง ถอย ไปไกลๆ กี่ก้าว กี่ก้าว แปลว่าคุณกำลังจะ ได้ กอดคอพุ่งหลัง
แต่ถ้าเค้าบอกว่า กอดคอ แล้ว สั่งนั่ง…. คุณ เตรียม เหนื่อยได้…. คุณจะได้ กอดคอโดยสลับเข่า… รับรอง ร้าวคับ – -"
จำนวนยก โดยทั่วไปตามความคิด ผลทหาร ป่วยๆ อย่างผม
10 ยก คือ ตักเตือน หรือ ขำๆ
20 ยก คือ ลงโทษ ขนาดย่อม สำหรับความผิดเล็กๆ
50 ยก คือ ลงโทษ พื้นฐาน
100 ยก คือ ซ่อม
200 ยก คือ ซ่อม ขนาดกลาง
300 ยก คือ … ซ่อม แบบคนโดนเริ่มตึงเครียด
500 ยก คือ … ซ่อม เรียกเหงื่อ ( ท้อเวลาเจอ สั่ง ห้าร้อย ถ้าวันไหนเจอ ไป ซัก 1500 ยก หรือ 2000 ยก ด้วยท่า พวก พุ่งหลัง ลุกนั่ง โดยสลับเข่า ทั้งหมด คือการกอดคอ ผม รับรองว่า ถ้าคุณ ไม่แข็งจริง ไงก็ต้องมีอาการปวด แข้งปวดขา บ้าง ไม่มากก็น้อย ยกเว้น พวก อู้ ไม่ได้ทำอะไรเลย )
1000 ยก … คือ – -" ( ขอให้อย่าโดน )
การลงโทษที่น่ากลัวอีกแบบคือ
ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าคนสั่งจะเหนื่อย….
หรือ การสั่ง ยกน้อยๆ แต่ ทำเรื่อยๆ ไม่มีพัก….
หรือ ยกมาก พักน้อย เช่น สั่งตั้งแต่ 100 ยก ขึ้นไป แต่ ไม่มีพัก คือ ครบร้อย ก็ พัก สิบวิ แล้ว สั่งต่อ อีก ร้อย…. จนครบที่เค้าต้องการ…
สิ่งที่ช่วยได้ในการกอดคอ คือ พยายาม เลือกกอดคนสูงพอๆ กัน….
การกดคอ เป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอ เตรียมหลังไว้ปวดได้เลย…
เสียงบ่นจะเกิดขึ้นตอนที่เหนื่อย…. เชื่อ ผมเหอะ มันจะมี เสียง บ่น ระงุมระงำ เกิดขึ้น " แม่ง เมื่อไหร่จะ พอวะ " " มึงอย่ากดดิ " " เงียบดิวะ เด๋ว ก็โดนหรอก " " กู ก็เหนื่อยนะเว้ย " " แม่งเอ้ย " " เหยียบมือกู " " ถอยหน่อย " " ช้าๆ หน่อยดิวะ " " ช่วยกันนับหน่อยสิวะ " " มึงอย่าอู้ดิ " " ไม่ไหวแล้ว " " เหี้ยเอ้ย เหงื่อเข้าตา " …. เป็นต้น
ส่วน สิ่งที่จะทำให้คุณผิดหวังคือคำพูดจากครูฝึกว่า
" มีคนอู้ …. เริ่มใหม่ "
" ฟาล์ว มีคน พุ่งไม่สุด ( สำหรับท่าพุ่งหลัง ) เริ่มใหม่ "
" นับไม่ดัง เอาใหม่ "
" สั่งคนเดียว แต่ ทำไม่พร้อมกัน เริ่มใหม่ "
" มือหลุด เริ่มใหม่
" ลงแต่หลัง ขาไม่ลง เริ่มใหม่ ( สำหรับ กอดคอ ลุกนั่ง ) "
" เท้าไม่พร้อม คนนึงซ้ายคนนึงขวา เริ่มใหม่ ( สำหรับ กอดคอ โดดสลับเข่า ) "
เป็นต้น คำพูดพวกนี้ มันแปลได้คร่าวๆ ว่า สิ่งที่คุณทำไป… มันเหนื่อยปล่าว ก็ได้ เพราะคุณ ต้องทำใหม่
ศัพท์ ทหารที่พบเจอได้
" แหลม " แปลว่า คนที่ทำอะไร ที่คนอื่นไม่ทำ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำ คือ แหลม เช่น การกระทำผิดต่างๆ จนถึง คำในสิ่งที่ไม่ได้สั่งให้ทำ คนแหลม ก็ จบโดยการโดนลงโทษ ด้วยวิธีต่างๆ
" ไม่สนโลก " คือ การกระทำตัวไม่สนใจสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะเกิดอะไร ก็ทำตัว เฉื่อยๆ พูดจา ไม่แข็งแรง พูดลากเสียง เหมือน คนไม่มีแรง เดินแบบ ไหล่ ห่อ เข่าตก หลังโค้งหน้าก้ม สั่งวิ่ง ก็ เดิน ให้รีบก็เดิน อะไร ก็ช้าไปหมดทำโทษ ก็ทำไม่เต็มที่
" อู้ " คงไม่ต้องบอก… ( ผมก็ อู้เหมือนกันครับ ไม่ไหว คับ หลังเจ็บ )
" ฟอร์ม " คือ คำพูดที่จะยกขึ้นมาพูดเวลามี ทหารแสดงอาการเจ็บ เพราะไม่มีใครรู้ได้แน่ว่าเค้าเจ็บจริงรึเปล่า
" จะเอาช้อนหรือจะเอาซ่อม " แปลว่า จะ ให้ ช้อนด้วยเท้า หรือ จะให้ สั่งซ่อม
" ซ่อม " คือ การทำโทษ ด้วยการออกกำลังกายด้วยท่าทางทหารเรียกเหงื่อ
" ถึงมือถึงเท้า " คือ… คงไม่ต้องพูด
" ทำให้ได้เหมือนอย่างที่กิน " แปลว่า .. คุณกินเก่ง แต่ ตอนซ่อมดันอู้
" ตละกะแดก " หมายถึง คนที่แดก(กิน)เก่ง
" ไอ้แว่น " คือ คำที่เอาไว้เรียกคนใส่แว่น
" ไอ้อ้วน " ก็เหมือน ข้างบนนั่นแหละ คล้ายๆ กัน นี่เอาไว้เรียกพวกอ้วน
" แก๊งค์ลูกหมู " คือ กลุ่มคนอ้วน … ที่กำลังจะเจอลดความอ้วนในไม่นาน…
" พุ่ง " คือ พุ่งหลัง หรือ การทำโทษ หรือ การอ้วก ( ของที่กินในวันเยี่ยมญาติ ) อีกความหมายใช้กับคนที่มีลักษณะพุ่ง เช่นสั่งใช้หรือทำงานอะไรแล้วออกตัวไวเร็ว เรียกว่าพุ่งได้เช่นกัน
" เวรหูมุ้ง " คือ คนที่ ได้การเข้าเวร ทั้งคืน โดยการถือ หูมุ้งตลอดทั้งคืน
" กินเหมือนหมูอยู่เหมือนหมาอึดอย่างควายไวอย่างลิง " ( ถ้าจำผิดต้องขออภัย ) แปลตามนั้น
" ไม่มีวินัย " แปลว่า คุณอาจได้พบ การปลุกมาปรับวินัย ยามดึกก็ได้ เหอๆ ถ้ามีคำนี้บ่อยๆ
" ผลาดแล้ว " คำนี้มักจะเป็นคำที่เพื่อนๆ รอบตัว พูด ให้คุณ เวลา คุณทำอะไร ช้ากว่าคนอื่น และ กำลังจะถูกทำโทษ เพื่อน จะพูดว่า " มึงผลาดแล้ว " พร้อม หัวเราะกันมันส์
" สนโลกหน่อย " แปลนัยๆ เวลา ที่วิ่งกันอยู่แล้วมีคนเดิน เพื่อนจะพูด คำนี้ เพื่อให้ คนที่เดิน หันมาวิ่งๆ หน่อย
" เวลา ทบ. " เวลา ทบ. จะไวกว่าเวลาปกติ ไวแค่ไหน ตามใจคนนับครับ….. หรือ อาจจะ ช้าก็ได้ในวินาที ท้ายๆ
" เข้าตา " แปลว่า มีใครสักคน สนใจคุณเป็นพิเศษ
" สัปดาห์นรก " คือ อาทิตย์ ในช่วงแรก ที่ทรมาณ ของ เหล่าทหารเกนฑ์ …
" เหลี่ยม " หมายถึง กลโกงต่างๆ ( โกงได้ แต่ ห้ามโดนจับจ้า…. )
" คืนหมาหอน " คือ วันที่คุณอาจได้ตื่นมา ออกกำลังกายทั้งคืน…
" ปรับวินัย " คือ คล้าย อันบนแหละ
จริงๆ มีอีกเยอะ แต่ผมก็จำไม่ได้ทั้งหมด และผมยกมาแต่ พวกที่จะได้ยินในการฝึก สามเดือน แรกเท่านั้น….
ทหารใหม่ คือ คำที่ใช้เรียกตัวเรายามเราเป็นน้องเล็กสุด
ครูทหารใหม่ คือ ทหารใหม่ที่ผ่าน การฝึกในช่วงแรก จนเป็นทหารเก่าแล้ว ได้กลับมาเป็นครูเพื่อสอนทหารใหม่น้องเล็กสุด….
ครูนายสิบ คือ ทหารนายสิบ ที่ได้มาเป็นครูสอนทหารใหม่
ครูเวร คือ ครูนายสิบที่ได้เข้าเวร มีหน้าที่รับผิดชอบทุกอย่างในวันนั้นๆ
ผู้ช่วยครูเวร คือ ครูทหารใหม่ ที่ทำหน้าที่เป็น ผู้ช่วยของ ครูเวร
ทหารเก่า อาจใช้เรียก ทหารอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฝึก ที่พักอาศัย หรือ ทำงานในหน่วยนั้นๆ บางครั้ง อาจเจอในโรงเลี้ยงบ้าง
สิ่งที่ผมได้เจอ คือ
ทหาร เริ่มตื่นนอน ตอนเวลาประมาณ ตีห้า
ตื่นมาก็ เก็บมุ้ง พับผ้าห่ม หยิบ ขันน้ำ หยิบรองเท้าผ้าใบถุงเท้า วิ่งลงมาที่รวมผล
นำขันไปวางแล้ว มารวมผล เพื่อ เตรียม รายงาน ยอดต่อ ผู้ฝึก หรือ ผู้ช่วยผู้ฝึก และ เพื่อ ออกกำลังกาย ยามเช้า หลังจาก ออกกำลังกาย ( หรือ เรียกว่า พีที ) ก็จะมีการวิ่ง หลังจาก วิ่งเสร็จ ก็จะแยกย้าย กันไปทำความสะอาด รวมถึง การจัดโรงเลี้ยง เพื่อเตรียม ทานอาหารเช้ากันที่โรงเลี้ยง จนถึง แปดโมง หาก ครูเวร คิดว่า ทานข้าวไม่ทัน เวลา แปดโมง เค้าจะ ให้รอ เคารพธง ก่อน ค่อย ไปทานข้าว แต่ หาก ทัน ก็จะ ให้ ทานก่อนค่อย เคารพธง ในเวลาแปดโมง หลังจากนั้น ก็จะเป็นการรับปืน ( หากอยู่ในช่วงแรก จะไม่มี การรับใช้ปืน แต่จะเป็นการฝึก ท่ามือปล่าวก่อน ก็ไม่มีอะไรมาก พวก ตามระเบียบพัก อะไรพวกนั้นแหละ ท่าหมอบ ท่าลุก ท่าตรง ท่าเลิกแถว อะไร พวกนั้นแหละ พื้นๆ ท่าวิ่ง ท่าหยุดจากการวิ่ง อื่นๆอีกเยอะ ) ช่วงหลังจะมีปืนเข้ามาประกอบ เราก็จะรับปืนตอนเช้า ขอบอกว่าหากได้ฝึก กับ ปืน HK-33 ก็จะ หนักหน่อย แต่ถ้า M-16 ก็จะเบากว่าหน่อย แต่คงไม่มีใครได้ ฝึกปืนเก่าๆ ผมจำไม่ได้ว่ามันชื่ออะไร แต่รู้สึกว่าหนัก หกโล ได้…. เหอๆ เฮชเค33 มีอีกชื่อว่า ปลย.๑๑ ( ปืนเล็กยาว สิบเอ็ด ) หนัก สามโลครึ่งได้ ไม่รวม กระสุนนะ ท่า อาวุธ ทุกท่า หาก เราทำดีมันจะเท่ห์มากคับ ขอบอก…. แต่ส่วนมาก เชื่อเหอะ ถ้าไม่ได้เรียน รด มาก่อน ก็ ลำบากหน่อยล่ะ ยิ่ง ใคร แขนกำลังไม่ดีก็ลำบากหน่อย จริงๆ มันก็จะมี ท่า ทำโทษตอนเวลามีปืน อีก ผม ลืมเอามากล่าว … ช่างเหอะ ขี้เกียจ พิมพ์ เหอๆ แต่ ท่า ไฮไลท์ มันขอบอกเท่ห์ มาก ท่า " ตรวจอาวุธ " มี ทั้งหมด ห้าสิบเอ็ดขั้นตอน ทำกันเพลินเลย มันก็จะมีการได้รับการตรวจสอบ จากผู้บังคับบัญชาระดับสูงบ้าง ถ้าผ่านก็สบายไป แต่หากไม่ผ่าน คุณอาจได้รู้ว่า ความเหนื่อย มีจริง… สนามฝึกแต่ล่ะที่ อาจมีตำนาน ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับ ผู้ฝึกแต่ล่ะคนด้วยว่า เค้าได้สร้างตำนาน อะไรไว้บ้าง ขอให้คุณไปศึกษาจาก รุ่นพี่ที่เคยฝึกมาก่อนเอาแล้วระวังตัวไว้ แต่ หาก เป็นผลัดแรกที่ผู้ฝึกคนนั้นๆ เข้ามาฝึก ยิ่งจบ นายร้อยใหม่ๆ คุณอาจ ได้พบอะไรที่เหนื่อยหน่อยก็ได้ ระหว่างฝึกท่าปืน การยกปืนค้างนานๆ เป็นเรื่องที่ทรมาณใจมาก คำพูดที่คุณได้ยินบ่อยๆ คือ " ปืนมันไม่หนักหรอก "…. เหอๆ ไม่หนักก็ได้แต่เมื่อยอ่ะ…. ถือนานๆ ก็ล้าซิท่าน ชีวิตการเป็นทหาร นั้น วินัยแถวสำคัญมาก การที่คุณถูกสั่งให้นิ่งแปลว่า คุณ ห้ามขยับ … ถึงยุงกัด ก็ตบไม่ได้ ดังนั้นการรวมผล ตอนเช้ามืด ก็ คือ พิธีการให้อาหารยุง ดีดี นี่เอง บางครั้งที่ผมตกใจ เมื่อ ผม มองดู ลงไป ( เหล่ดู ) ตาม ตัวผม มี ยุง เกาะดูดเลือด ผม เต็มไปหมด …. ถ้าเหลี่ยม คุณดี ผมแนะนำว่า ให้คุณทายากันยุงที่ไม่มีกลิ่นไว้ ก่อนที่จะ ถึงเวลา เป่านกหวีดตื่นนอนคับ…. บางวันคุณอาจได้ยืนนานกว่าที่คุณคิดไว้ แต่ถ้าทนได้ก็ไม่มีปัญหาคับ
หลังจากรับปืน หรือ หลังจาก เคารพธง จะรวมผล เพื่อ พูดคุยถึง สิ่งที่จะฝึกในวันนั้นๆ หรือ ธุระที่จะต้องทำ ในช่วงนั้น แล้วก็จะเริ่มการฝึก โดย การฝึกสมัยนี้อาจสบาย คือ จะฝึกสัก ชั่วโมงแล้วก็ปล่อยพัก ทานน้ำ เข้าห้องน้ำ สักแป๊บแล้วก็ ฝึกต่อ จนถึง ราวๆ สี่โมงครึ่งก็ จะ มา ออกกำลังกาย แล้ววิ่ง แล้วก็ จัดโรงเลี้ยง และ รอ เคารพธงชาติ แล้วจึงไปทานข้าว ต่อจากนั้น จึงได้เวลาอาบน้ำ ส่วนจะได้อาบแบบไหน ก็ แล้วแต่ ในของครู บางครั้งคุณอาจไม่ได้อาบ ก็ได้ หรือ อาจได้ อาบขันเดียว อาจ แปลงฟันแห้ง ( แปลงไม่ต้องใช้น้ำ ไม่ต้อง บ้วนปาก ) คุณอาจต้อง วิ่งกันสักหน่อย เพราะ เพื่อนๆ คุณ ที่รอ อยู่ด้าน นอก อาจ คอยตะโกน ว่า หมดเวลา …. ถ้าคุณมาช้า แทนที่จะสดชื่นคน อาจ เหนื่อย ด้วยการเอาเหงื่อ ออก อีกรอบ ก็ได้ ก่อนที่จะ เข้านอน…. เสร็จแล้ว เค้าก็สั่งให้คุณแต่ง ชุดนอน ( ก็ ชุดกีฬานั่นแหละ ( ชุดเดิม ) ) วิ่งมารวม กัน เพื่อ ฟังคำชี้แจง รวมถึง ผลการฝึก ก่อนนอน หรือ อาจ มี ซ่อม ก็ แล้วแต่ เค้าเสร็จ แล้วก็ ปล่อย ขึ้นไป ไหว้พระสวดมนต์ แพ่เมตตา พูดคำขวัญต่างๆ ร้องเพลงชาติ อีกรอบ และ ร้องเพลงสรรเสริญ แล้ว ก็ วิ่ง ไป กางมุ้ง ในเวลา ประมาณ ยี่สิบ ถึง สามสิบวิ มุ้งต้องเสร็จ…. ไม่เสร็จคุณ ก็อาจได้นอน ให้ อาหารยุงใต้เตียงก็ได้ เวร ส่วนมากแบ่งเป็นสี่ผลัด ผลัดที่ 1 เข้าเวร ตั้งแต่เวลา 21.00 – 23.00 ผลัดที่ 2 ก็ 23.00 – 01.00 ผลัดที่ 3 ก็ 01.00 – 03.00 ผลัดที่สี่ ก็ 03.00 – 05.00
ผลัด ที่เค้าว่า กันว่า ทรมาณ คือ ผลัด สาม
แต่ จริงๆ แล้ว คือ ผลัดเดียวแจ้ง คือ เข้าทุกผลัดนั่นเอง… แต่ ถ้าผลัดเดียว ผมว่า ผลัดสอง ทรมาณสุดคับ…. การเข้าเวร นั้น อาจ เกิดจากการแหลม คุณ อาจโดนสั่งเข้าเวร ก็ได้คับ…. เช่น วิ่งหลุดแถว หรือ ขาเจ็บวิ่งไม่ได้เป็นต้น หรือ ทำช้อนตกเสียงดัง หรือ กินข้าวเสียงดัง หรือ คุยในแถว อะไรประมาณนี้
ผลัด สี่ คุณอาจไม่ต้อง ทำการ พีทีในตอนเช้า หรือ วิ่งในตอนเช้า อันนี้แล้วแต่รูปแบบการฝึก คุณอาจ ทำความสะอาดเฉยๆ ก็ได้
ชีวิตทหารคล่าวๆ คุณคง พอรู้สึกถึง กลิ่นสีเขียวมาบ้างแล้วมั้งเนี่ย ( เหม็นเขียว… เหอๆ เพราะ ออกกำลังกันเยอะ ) จริงๆ ผม ขี้เกียจ พิมพ์ต่ออ่ะ แบบว่า นี่พึ่งกลับมา เดินเป็นแพนกวิ้นเลย ปวดหัวด้วย ไปดีกว่า
 
สุดท้ายนี้ คำขวัญประจำใจ ขาอู้อย่างเราๆ คือ " สนทุกอย่างยกเว้น โลก … เอาทุกอย่างยกเว้น ถ่าน " หลับฝันดีคับ ( ผม หลับไป ฝันว่าเจอ ซ่อม เหอๆ ( จริงๆ นะ ไม่ได้โม้ ขนาดกลับบ้านยังตามมาเข้าฝันอีก ) ( ใครที่อยู่ในหน่วยฝึกแล้ว กลางคืนฝันว่า เจอซ่อม แล้ว ตื่นมามันก็จะ เซ็ง อย่างแรง อ่ะ เพราะหลังจากเหนื่อยในฝันคุณก็จะถูกปลุกด้วยนกหวีด อีก คุณต้องลากตัวเองที่สภาพ อนาจ ออกมาจากหมอน แล้ว ตะโกนคำว่า " สวัสดีครับ ครู " ( ยกเว้น คุณเจอเป่ารวมผล ยามดึก คุณต้อง ตะโกนคำว่า เฮ้ ดังๆ แล้ว ไม่ต้องสนอะไร ทั้งนั้น วิ่ง หยิบ ถุงเท้ารองเท้า ลงไปรวมผลให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่งั้น คุณ อาจไม่ได้ วิ่งไปรวมผล อาจเป็นกลิ้งหรือม้วนหน้าไปแทน…. เหอๆ )
ใครมีน้องมีนุ่งกำลังจะไปจับดำแดงวัดใจ แนะนำให้เตรียมตัวเตรียมใจไปดีดี ถ้าติดก็ไม่ต้องคิดมาก ( เพื่อนผมก็พูดแบบนี้ แต่ วันที่ผมจับได้นี่ ตัวเบาขึ้นเยอะเลย… ไม่เชื่อก็ลองได้… ฮือ วันนั้นจำได้แค่ว่า เห็นรูป ภราดร ใส่เสื้อยืดลายพราง ยืนชูแขน มี ธงชาติไทยอยู่ด้านหลัง แล้วมีข้อความเชิญให้สมัครทหาร…. คงไม่ต้องถามว่าผมคิดอะไร ( ไม่ได้คิดว่า หัวนมภราดร จะดำไม่ดำ แน่ … ) วันนั้นเซ็งสุดๆ เดินเตะฝุ่นจริงๆ ก้อ ผม ไม่ได้อยากเป็นทหารนี่หว่า เหอๆ ) พอแล๊ะ ดีกว่า
Comments
  1. กรูกอย่าซ่า says:

    แล้วเป็นทหารจะมีเวลาทำภาระกิจส่วนตัว เช่น ใช้โทรสับ ฯ รึป่าวคะ ที่สำคัญเขาบอกกันว่าถ้าเป็นทหารแล้วจะเปลี่ยนไป มีเวลาเที่ยวอาจหาผู้หญิงใหม่ได้อะไรประมาณนี้คะ

    • nitoniwatori says:

      น่าเสียดาย ที่ผม ไม่ได้ตอบ กลับ ข้อความนี้… ผมเสียใจมาก เพราะผมไม่ค่อยได้เข้า Space ของตัวเองเท่าไหร่ จนตอนนี้ ผมย้าย มาเป็น WordPress

      การเป็นทหาร ถ้าในช่วงเวลาฝึกนั้นจะไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัว หรอกครับ โทรศัพท์ ถ้าอยู่หน่วย โหดๆ จะไม่มีทางได้ใช้ครับ
      แต่พอขึ้นกองร้อย เวลาจะมากขึ้น อิสระมากขึ้นครับ

      เป็นทหารไม่ได้ทำให้นิสัยเปลี่ยนนะผมว่า แต่เป็นทหาร จะทำให้ห่างจากคนรัก แต่ถ้าเขาเป็นคนมั่นคง มันก็ไม่เปลี่ยนไปหรอกครับ..

  2. nitoniwatori says:

    วันนี้ผมได้ กลับไปหาเพื่อน คนหนึ่ง ที่เราไม่ได้เจอกันร่วมสิบปี.. เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมไปเป็นทหารมาสองปี… ผมได้อ่านข้อความนี้แล้ว ก็นึก ว่าไม่น่าเชื่อ ครั้งหนึ่งผมเคยเป็นทหาร…

  3. ร7พัน2 says:

    สุดยอดของชีวิตครับ ผมเคยกลัวที่จะเปนทหาร ตอนนี้เปนจริงๆแล้วรู้สึกว่าตัวเองเปล่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากๆเลย (ได้ไป3 จังหวัดชายเเดนใต้ด้วย)รู้ว่าเวลาที่คนข้างนอกหลับสบายแต่ทหารจะคอยปกป้องให้คุณได้หลับสบาย พูดเเล้วน้ำตาจะใหลT^Tมันซึ้งอ่ะ

    • nitoniwatori says:

      ใช่ครับ ผมบอกได้เลย คนที่จะเข้าใจ พวกเรา นั้นน้อยมาก มีแต่คนที่เคยลำบาก (แม้แต่ชีวิตทหารเอง ก็ยังแตกต่างกัน)
      ถึงจะเข้าใจ ขอให้ชีวิต คุณ รุ่งเรือง ครับ ขอบคุณครับ อุตส่าห์ เขียน comment

      ขอให้จำถึง วันที่เราเคยลำบากครับ เคยผ่านความเป็นความตาย เคยเหนื่อย ท้อแค่ไหน เพื่อนคนไหนที่จากเราไป
      แล้วให้มันเป็นพลัง เพื่อให้เราสู้เอาชนะตัวเราในวันนี้ให้ได้ครับ สู้ๆ

  4. ติดทหารวะ says:

    ผมติดทหารคับพี่ โดน ทบ.1 จะไปวันที่ 1 นี้แล้ว ได้อ่านของพี่แล้วผมรู้แจ้งเลย น่าสนุกว่ะ คงเหนื่อยมากน่าดู เอาเถอะนะ ชีวิตลูกผู้ชายไทย สักครั้งในชีวิต ได้อ่านแล้วรู้เลยว่าต้องทำยังไง ขอบคุณมากคับ

    • nitoniwatori says:

      ต้องขอโทษนะครับที่ผมตอบช้าไปหน่อย (เพราะมัวแ่ต่วุ่ีนวายเรื่องงาน เลยไม่ได้ เช็คเมล์)

      แต่ผมอวยพรให้ น้องปลอดภัยครับ ผมเองเคยเป็นทหารมา ผมเข้าใจความรู้สึกตั้งแต่วันก่อนไป วันที่ฝึกหนัก วันที่เพื่อนหายไป และ วันที่เป็นอิสระ

      มันคือประสบการณ์ ที่ผมกล้าพูดว่า ผมหาไม่ได้จากข้างนอก (มีหลายเรื่องที่ผมไม่ได้เขียนลงไป) แต่ที่สำคัญที่สุด วันที่เรา ผ่านสิ่งเหล่านี้ไปได้ อย่าลืม ความยากลำบากที่เราผ่านมา ไม่อย่างนั้น มันก็กลายเป็นแค่การเสียเวลาในชีวิตไปเปล่าๆ หรือ แม้กระทั่ง อาจสร้างแผลใหญ่ในชีวิต โดยเราไม่ได้อะไรเลย

      วันนี้น้องคงไปรายงานตัวแล้ว ในฐานะ ลูกผู้ชายคนนึง ส่วน วันข้างหน้าผมก็ไม่รู้ว่าน้องต้องเจอกับอะไรบ้าง เพราะถ้าให้ผมพูดจริงๆ ผมกล้าพูดว่า

      หน่วยฝึกที่ผมได้ไปเจอ ในผลัดผม มันไม่ได้หนักที่สุด และ แน่นอนมันก็ไม่ได้เบาที่สุดเหมือนกัน สิ่งที่เราทำได้ดีมากที่สุดคือการเตรียมตัวด้วยความเข้าใจ

      คนที่ได้อ่านข้อความของผมแล้ว พอจะเตรียมตัวเตรียมใจได้ ผมเชื่อว่า อย่างน้อยๆ ข้อความของผมคงช่วยอะไรเขาได้มาก กว่า ข้อความที่ผมเคยได้รับมาว่า

      ” โอ้ย เดี๋ยวนี้ฝึกทหารนะ สบายไม่มีมือ ไม่มีเท้า หรอก ”

      ผมยอมรับครับหน่วยที่สบายก็มี แต่บอกได้เลยว่า ” ไม่ใช่ทุกหน่วย ” แน่ๆ ครับ
      ถ้าทำได้ เราต้องเตรียม สิ่งที่สำคัญ อย่างยาประจำตัว ที่คาดว่าจะได้ใ้ช้ ทำยังไงก็ได้ให้ รอดครับ แล้วก็ อย่าเด่น อย่าด้อย ( ซึ่งฮ่ะๆ ผมมีทั้งสองอย่างเลย เหนื่อยหน่อย )

      ในเพื่อนร่วม ฝึกเป็นร้อยๆ คน ผมเชื่อว่า เราจะได้เพื่อน ที่ดีบ้าง
      และก็ ในรุ่นน้องจำนวนเป็นร้อยคน ก็จะมี รุ่นน้องที่ เคารพเรา ด้วยใจเหมือนกัน

      สำคัญที่สุดคือ วันที่เรา เป็นรุ่นน้้อง เราอยากได้รุ่นพี่ที่เป็นอย่างไร ให้เราทำตัวเช่นนั้นครับ ชีวิตในกองร้อย เราต้องรู้จัก นิสัยใจคอของคนแล้ว ก็วางตัวให้ถูกควรครับ ไม่ว่าต่อเพื่อนๆ น้องๆ หรือ หมู่จ่า…

      สู้ๆ นะครับ พี่เอาใจช่วย พี่เองก็เคยผ่านมา

  5. ao says:

    แฟนติดทหาร ผลัด2/54 กทม.อยากรู้ว่าเขาจะให้ญาติเยี่ยมได้เมื่อไหร่ค่ะ และอยากทราบว่า จทบ.ก.ท.ได้ไปฝึกที่หน่วยไหนบ้าง แฟนไปทหาร 10 วันแล้วไม่ได้ติดต่อกันเลย ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน และเขาจะได้กลับบ้านประมาณวันไหนค่ะ

    • nitoniwatori says:

      ต้องขอโทษด้วยครับที่ตอบช้า เนื่องจากผมโดนน้ำท่วมครับ

      การเยี่ยมครั้งแรก น่าจะ หลังจากฝึกเดือนนึงครับ
      การลาครั้งแรก คงหลังจากจบฝึกและบรรจุขึ้นกองร้อย ขึ้นอยู่กับว่า
      อยู่หน่วยฝึกของที่ใด เป็นฝากฝึกหรือไม่ ถ้าฝากฝึกอาจช้าหน่อย เพราะหน่วยฝึกไม่มีอำนาจในการสั่งให้ลาจะต้องไป ที่กรมกองสังกัดก่อน

      แต่ถ้าฝึกที่หน่วยตัวเอง (หน่วยที่เขาเข้ารับประจำการ) ก็จะได้ลากลับบ้าน จำนวน สิบวันหลังจากฝึกเสร็จ ยกเว้น หน่วยรบพิเศษ ที่อาจต้องไปฝึก โดดร่ม หรือ ฝึก จู่โจมต่อ อันนี้ แล้วแต่หน่วยจะกำหนดครับ อาจ จะ นานนิดนึง

      คือ ถ้าร้อนใจต้องติดต่อทางบ้านแฟน ครับ ให้เขาติดต่อทางสัสดี เพื่อตรวจสอบว่า ตัวเขาตกหน่วยใด และ ฝึกที่หน่วยใด มีกำหนดเยี่ยมญาติ เมื่อใด …

      ทั้งนี้ทั้งนั้น การติดต่อ สื่อสาร ระหว่างฝึกขึ้นอยู่กับแต่ล่ะหน่วยครับ ….

      ถ้าให้ผมพูดตรงๆ คือ แล้วแต่เหลี่ยมแฟนคุณด้วย แต่ปกติ จะห้ามครับ… จนกว่าจะฝึกเสร็จ เพราะหน่วยที่หนักๆ

      อย่าเวลาแต่เวลาคุยเลยครับ เวลาจะเข้าห้องน้ำ ก็ไม่มี (เรื่องจริงครับ ผมกล้ายืนยัน)
      ฉนั้นขอให้อดทนรอ ครับ ถ้าแฟนสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว ไม่อ้วน ไม่ผอม เกินไป ผมคิดว่าเขาจะผ่านการฝึกมาได้ครับ… เอาใจช่วยนะครับ

    • nitoniwatori says:

      ระยะเวลาการฝึก แล้วแต่ ผู้ฝึก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ สามเดือน ถึง สามเดือนครึ่ง ครับ ถ้าโชคร้ายหน่อย อาจนานกว่านั้นได้ ส่วน การเยี่ยม ตามปกติ จะเปิดให้เยี่ยม ระหว่างฝึกในวัน อาทิตย์

      หลังจากขึ้นกองร้อย (ฝึกทหารใหม่ สามเดือนแรกเสร็จ) อาจเยี่ยมได้ทุกวัน โดยทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความเข้มงวดของหน่วยสังกัด

      ระหว่างการฝึกสามเดือนแรก สามารถส่งจดหมาย ไปหาได้ครับ (แต่ผมไม่แน่ใจว่ายุคนี้ยัง ให้รึเปล่า … แต่เชื่อผมเถอะว่าอย่าเขียนไปเลย คนรับมันเหนื่อยครับ…. กว่าจะได้รับ เหงื่อท่วม แต่ถ้าหน่วยใจดี อาจไม่มีค่ารับจดหมาย… )

  6. Pias|AoF F๏r€ver says:

    นู๋ชอบพี่จัง นู๋ก้อมีแฟนเปนทหาร เพิ่งไปเยี่ยมมา วันที่27 พ.ย54 มันก็น่า สงสาร นะ แต่ ในเมื่อมีหน้าที่ต้องทำเค้าก็คงจะต้องทำมันให้ดีที่สุด นู๋เชื่อว่า สักวันมันต้องผ่านไป บางทีสิ่งที่เราคิดมันก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป

  7. nitoniwatori says:

    ขอบคุณครับ คุณ Pias การเป็นทหาร นั้นเป็นประสบการณ์ ที่หาจากข้างนอกไม่ได้ครับ อันนี้ผมยืนยัน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นทหาร … ระเบียบวินัย ต้องมีบ้าง ไม่มากก็น้อย (ขึ้นอยู่กับว่า เราอยู่ที่ไหน เราอยู่กับใคร)

    ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ถ้าเขารู้จักปรับนำมันมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ จะช่วยให้เกิดการพัฒนา (หวังว่าคงจะไม่มีใครเป็นอะไรในระหว่างการฝึก… เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยเฉพาะในหน่วยที่มีการฝึกหนักๆ)

    ทหาร ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เป็น… (แต่หลายคนไม่อยากเป็น ถ้าผมพูดตรงๆ ผมภูมิใจ นะ แต่ถ้าถามผม ผมก็ไม่ได้อยากเป็น ตอบตรงๆ แบบลูกผู้ชายคนนึงครับ แต่ก็ไม่ได้หนี)

    มีทหารหลายแบบ ร้อยพ่อพันแม่ ที่ดีก็มีไม่ดีก็มี แต่พอมาเป็นทหาร คนที่ปรับตัวไปในทิศทางที่ดีก็มีให้เห็นเยอะ ส่วนที่แย่ก็มีเหมือนกัน เพราะ ทหาร ต้องอดทน ครับ และมันเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก (มีทหารหลายคนมากที่ หนีทหาร แม้จะผ่านการฝึก บ้างบอกว่า เบื่อ บ้างก็ทนไม่ได้ กับ กฏระเบียบ บางคนก็อดทนคิดถึงบ้านไม่ไหว เพราะแต่ล่ะหน่วยนั้น ความกดดัน แตกต่างกัน บางหน่วย อาจไม่ค่อยได้ลา (ที่มันไม่ค่อยได้ลา ถ้าให้ผมอธิบายยาวมากครับ ง่ายๆ คือ พอทนไม่ไหวก็หนี พอหนีมากๆ ก็ไม่มีคน เนื่องจากทหาร กว่าจะขึ้นกองร้อย ยังไงก็ต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ มากมาย ไม่่วา จับใบดำใบแดง หรือสมัครมา แล้วไปผ่านการฝึก ถึงจะได้ขึ้นกองร้อย …กว่าจะได้มารับใช้ชาติ ก็ไม่ได้ง่ายๆ อาจไม่เหมือน ทหาร ที่สอบ หรือเส้น นาย เข้ามาติดสิบตรี …. โดยไม่ได้ผ่านการฝึกทหารใหม่ หรือ ผ่านแบบพิเศษ(เส้น) )

    ถึงอย่างไรสำหรับคุณผู้หญิง ถ้าแฟนเป็นทหาร ต้องอดทน เหมือนกับที่เขาอดทนครับ ผมไม่มีอะไรการันตี ได้ว่าเขาจะเป็นยังไง เพราะนั่นอยู่ที่ตัวเขา แต่สิ่งนึงผมบอกได้คือ เขาเองก็ต้องอดทนในการเป็นทหารเหมือนกัน อย่างน้อยคือ ” อิสระ ” ที่เคยมี อาจไม่ได้มีแบบที่เคย

    ผมยังจำความรู้สึกของวันสุดท้ายในการรับใช้ชาติ ได้อยู๋… วันที่ผมรับอิสระ อีกครั้ง.. ขอให้มีความสุขครับ อย่าหงุดหงิด ถ้าไปเยีึ่ยมแฟน แล้ว แฟนอาจ อารมณ์ ไม่ดีบ้าง เพราะ เขาอาจฝึกหนัก หรือ อาจไม่ได้นอนมาหลายวัน…

    • Pias|AoF F๏r€ver says:

      ขอบคุณพี่มากเลยนะคะ พี่ทำให้นู๋คิดไรได้เยอะเลย !! แฟนนู๋อ่าฝึกเสดแร้วแหระคะ ได้ฝึกแค่ 1เดือน กว่าๆเอง มั้งค๊ติดน้ำท่วมเค้าเลยมาฝากฝึกอยู่ที่สระบุรี แฟนนู๋ไม่เคยจะปูผ้าปูที่นอนเองเป็นเลยคะ แต่ทุกวันนี้ ปูจนเหรียญบาทมันเด้งได้เลยคะ 55+ ตอนนี้ก็กลับกรุงเทพแล้วแหระ นี่ก็รอดูมันออก Tv วันที่เค้าสรวลสนามแหระคะ 55 ขอบคุณนะคะที่พี่มาตอบเมลนู๋ สุดท้ายนี้ขอให้พี่มีความสุขมากๆนะคะ [นู๋อ่านชีวิตทหารเกณท์ไป มันเปนไรไม่รู้ ต้องยิ้มไปทุกทีเลยคะ] ;)) บ๊ะบาย ๆ ^^

  8. nitoniwatori says:

    ฮ่ะๆ เช่นกันครับ ข้อความของทุกคนที่ตอบผมลงในนี้ทำให้ รู้สึกว่า ประสบการณ์ สิ่งที่ผมพิมพ์ลงมา ได้สร้าง ประโยชน์ ให้กับใครบางคน บ้าง หรือ อาจให้กำลังใจ แก่ รุ่นน้อง ที่กำลังจะเข้ารับใช้ชาติ ทีแรก ผมพิมพ์เล่นๆ ไว้ เพราะคิดว่า อีกหน่อยตัวเองจะลืม … แต่สิ่งนี้เองทำให้ผมกลับได้เจอเพื่อนร่วมรุ่น ที่ไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่ปลด เพราะเบอร์โทรเปลี่ยน

    ได้เห็นว่า มีคนรู้สึกดีกับสิ่งที่ผมแชร์ ถึงมันจะเป็นประสบการณ์ ที่นานผ่านไปหลายปีมากแล้วก็ตามที (ทุกวันนี้ ผม ไว้ผมยาว เลยหลัง เรียกว่า ถ้าไม่บอก คงไม่มีใครทราบว่าเป็นทหารมาก่อน… )

    หลายคนที่มาเป็นทหาร ไม่เคยทำ อะไรหลายๆ อย่างมา แต่ พอเป็นทหาร … ทุกคนต้องทำเหมือนกัน… (ยกเว้นแต่คนที่ เด่น หรือ คนที่ ด้อย อาจต้องทำต่างจากคนอื่น…)

    บางคนโกนหนวดไม่เป็น บางคนไม่กินผัก (พวกไม่กินเนื้อ ส่วนมากจะอยู่ได้ครับ ฮ่ะๆๆๆๆ เพราะมีแต่คนอยากกินเนื้อ เนื่องจาก มันกับข้าวมัน มะเขือหนึ่งไร่ ไก่หนึ่งตัว…)

    บางคน ไม่รู้จัก ซ้าย-ขวา ว่าคือทางไหน ..( มีจริงๆ ครับ ไม่รู้ผมได้เขียนเล่าไปรึเปล่า ไว้มีเวลาจะเขียน upgrade เก็บตกรายละเอียดฮาๆ )

    บางคนติคคุก เพราะ รับของโจร บางคนติดเพราะคดีอื่นที่ร้ายแรง แต่ทุกคนที่เป็นทหาร ก็คือทหารที่ต้องฟังคำสั่ง และ ถูกทำโทษได้ (ถ้านั่นคือคำสั่ง) เหมือนๆ กัน บางคนก็ลูกคุณหนู ไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเอง บางคนติดยา มาเลิก ได้ตอนเป็นทหารก็มี ถ้าให้พูดตรงๆ คือ ตอนฝึก ไม่มีเวลา จริงๆ นั่นแหละครัยยิ่งหนัก ยิ่งเหนื่อย ขนาด จะตัดเล็บ ยังต้องแอบตัดตอน ช่วงเวลานอน….

    มีประสบการณ์ หลายอย่างในการเป็นทหาร มันทดสอบจิตใจ ทั้งตัวคนที่เป็น และคนที่คอย….

    เพราะทหารไม่ได้เป็นแค่ เดือนเดียว อย่างเร็วสุดคือ ครึ่งปี ช้าสุด สองปี ถ้าติดลม อาจเบิ้ลเป็นสาม … (เรียกร้องขออยู่ต่อเอง)

    เวลาหกเดือนเรียกว่านาน สองปี .. สำหรับ ผม มันคือเวลาชีวิตส่วนหนึ่งเลยจริงๆ

    สำหรับสวนสนาม ทหาร ผลัด 2 (ที่เข้ารับราชการ เดือน พฤศจิกายน) เรียกว่าเป็นงานหลักเลยก็ได้ ถ้าแฟน คุณ Pias ตัวสูง อาจได้เห็น หน้าเขา อยู่หน้าแถวก็ได้ครับ ฮ่ะๆ) …ยังไง ก็ ขอให้อดทน รอคอยครับ ขอให้มีความสุข รักษาสุขภาพ ด้วยครับ

  9. nitoniwatori says:

    ผมเองนั่งอ่านเองตะกี้ ยังขำ หลายๆ เรื่อง ผมเองก็ลืมแล้ว พออ่านถึงนึกออก … หลายครั้ง ผมเองก็โดนซ่อมแบบ ทำไป น้ำตาไหลไป บ้างเพราะ ร่างกายมันไม่ไป แล้วเจ็บใจ บางที ก็เจ็บใจเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด …

    ผมก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่า … ผมเองก็เคยเป็นทหารมา สองปี … ฮ่ะๆ

  10. Pias|AoF F๏r€ver says:

    พี่วันนี้แฟนนู๋โทมาหา 30 วิเอง แอบเอาโทศัพท์ครูฝึกโทมา ตอน 5ทุ่ม ครึ่ง!! สงสัยคงอยู่เวรอ่าเนอะ
    30วิก้อไม่รู้จะโทมาทำไม T-T เค้าคงไม่รู้หรอกว่าคุยกัลไม่ได้มันใจจะขาด [หนาวแล้วพี่ดูแลสุขภาพดั้วน๊ค๊ ^^]

  11. Pias|AoF F๏r€ver says:

    พี่นู๋ขอเฟสพี่มั่งได้มั้ยค๊ รู้สึกดี กะพี่มาก ๆๆ!!

  12. คนดี says:

    ทหารเกณฑ์หลังฝึกเสร็จ(ขึ้นกองร้อย)แล้ว

    มีวันหยุดเดือนละกี่วันครับ

    เห็นแต่ละที่พูดไม่ค่อยจะตรงกันเลย

    สามารถเรียนมหาลัยเปิด เช่น รามคำแหง ได้หรือเปล่าครับ

    และขอลามาสอบด้วยได้ไหมเอ่ย

    • nitoniwatori says:

      ขอผมตอบทีล่ะประเด็นนะครับ

      ตามปกติแล้ว พลทหาร จะมีวันหยุด ที่ลากลับบ้านได้คือ 10 วันต่อ ประจำการ 3 เดือน

      แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่คุณ ” คนดี ” ได้ยินมาไม่ตรงกัน เป็นเพราะว่า แต่ละ หน่วยนั้นมีนโยบาย ที่แตกต่างกันยืดหยุ่นตาม “สถานะการณ์”

      อาจฟังแล้วรู้สึกตะขิดตะขวงใจว่า ทำไมไม่มีหลักแน่นอน…
      เนื่องจากมีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น หน่วยที่เป็นหน่วยรบ เน้นฝึก (หน่วยพวกนี้ ไม่ได้สบายครับ ฝึกตลอดเวลา ตลอด แม้จะขึ้นกองร้ัอย ยังมีเป่ามาปรับวินัยเสมอๆ แบบปรับทียกกองพันนะครับไม่ใช่กองร้อยกระจุ๋มกระจิ๋ม เอาง่ายๆ ว่า กล้ามที่ได้มาตอนฝึกทหารใหม่ จะอยู่กับคนเหล่านี้ไปยัน ปลดประจำการ …) ดังนั้น คนในหน่วยนี้ จะมีระเบียบที่ค่อนข้างแน่ชัด และ ต้องมีกำลังรบ พร้อมเสมอ การลาบ่อยๆ จึงเป็นเรื่องยาก ข้อดีคือ ได้ลา ค่อนข้างชัวร์ ถ้าไม่เกิดเหตุที่ต้องไปประจำการตามจังหวัดพิเศษ หรือ มีฝึกหลักสูตรพิเศษ ต่างๆ (คือ ผมอาจไม่สามารถอธิบายได้หมด เนื่องจาก ตัวผมนั้นก็คือ อดีต พลทหารคนนึง)

      บางหน่วย อาจมี ” ทหารหนี ” เช่น กองร้อยอาจมีทหารทั้งหมด ตามรายชื่อ อาจ จะ 30 แต่ หนีจน เหลือ 4 คน … และ เนื่องด้วย การปฏิบัติภารกิจหลักภายในหน่วยเอง ก็จำเป็นต้องอาศัยกำลังพล ในการเข้าเวรยามรักษาการณ์ ตามจุดต่างๆ …

      ” การลา จึงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ” เอาง่ายๆว่า บางหน่วยคุณอาจได้ ลั้นลา กลับบ้าน ทุกวันธรรมดา หรือ อาจได้กลับทุกเสาร์อาทิตย์ ถ้าไม่ติดเข้าเวร

      แต่บางหน่วยคุณอาจได้อยู่ ยาว โดย ไม่มีวันได้กลับบ้าน แม้วันเดียว เป็นเวลา ครึ่งปี หรือ ปีนึง…

      ฉนั้น มันไม่มี อะไรที่แน่นอนครับ… ขึ้นอยู่กับสภาวะการณ์ ณ เวลานั้นๆ และ สภาวะของกองร้อย ความพร้อม ของกองพัน …

      ส่วนเรื่องการเรียน นั้น โดยปกติ ไม่สามารถกระทำได้ … มีเพียง การเรียนในส่วนของ กศน. ที่บางหน่วยจะเปิดให้เข้าเรียน…

      ส่วนเรื่องขอลาไปสอบ นั้น.. เท่าที่ผมอยู่มาสองปี ตอนเป็นทหาร ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ครับ..

      ถ้ายังเรียนไม่จบแนะนำว่า ผ่อนผัน ให้จบๆ แล้ว ถ้ากังวลเรื่องร่ายกาย ก็ ยื่นสมัครเป็นหกเดือนไปครับ.. ไว (แต่ก็เหนื่อยสามเดือนแรกอยู่ดี…) ผมเองก็มีเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เป็น แค่หกเดือน

      ผมไม่อยากให้คาดหวังสำหรับ น้องๆ เพื่อนๆ ที่กำลังจะเป็นทหารว่าจะ สบาย หรือ จะได้กลับบ้านสม่ำเสมอ…

      เพราะการที่ทหารจะได้กลับบ้าน จริงๆ แล้วก็อยู่กับความสามัคคีในรุ่นนั่นเอง ถ้าหนีกันหมด ก็จะไม่มีใครได้กลับ หรือ ใครลาไปแล้วไ่ม่ยอมกลับมา คนที่อยู่อาจต้องอยู่อีกนานนน จนรุ่นน้องขึ้นกองร้อยครับ ลองคำนวณ เล่นๆ ว่า… ตอนเราฝึกทหารใหม่นั้นก็ใช้เวลาร่วม 3 เดือน

      และก่อนที่ทหารใหม่จะก้าวเข้าสู่หน่วยฝึก ทหารเก่าผลัดปลด ก็จะเดินสวนทางออกไปก่อนวันนึงครับ…
      3 เดือนที่เขาฝึกทหารใหม่กันเวลานั้นแหละครับ ที่ รุ่นพี่ ต่างๆ เฝ้ารอ ที่รุ่นน้องทหารใหม่จะก้าวเดินเข้ามา .. เพื่อมาเป็นกำลังพลสลับผลัดเปลี่ยนกัน ปฏิบัติหน้าที่ตามส่วนต่างๆ ฉนั้น … ผมหวังว่า คุณ ” คนดี ” คงจะพอเข้าใจมากขึ้นว่า … ทำไม ถึงไม่มีใครบอกเหมือนกัน … ทุกอย่างมีเหตุ มีผลของมันครับ…

      ถ้าอยู่หน่วยที่คนเยอะ ก็ได้ลาง่าย ติดเวร ก็จ้างคนอื่นเข้า
      อยู่หน่วยที่โหด คนก็ทนไม่ไหวหนีหมด … ติดเวร ก็จ้างใครไม่ได้ เพราะไม่มีคนอยู่ให้จ้าง
      ดีไม่ดี คนเข้าเวร ก็อาจแทบจะไม่มี กองร้อย บางทีอาจอยู่กันแค่ี.. สองคน สิบเวร กับ เรา…
      หรือ … ดีไม่ดี อาจเหลือเพียงแค่สิบเวรคนเดียว ดังคำพูดที่ว่า ” สิบเวรเฝ้ากองร้อย ” .. ส่วนทหาร
      ก็เข้าเวรครับ… ภายในเวลาสองปี จะมีเรื่องราวต่างๆ มากมาย ผมคิดว่าน่าจะเป็นทุกหน่วย .. แล้วแต่ว่าหน่วยนั้น
      มีความเข้มงวดในแบบไหน

      โชคดีครับ ส่วนเรื่องเรียน ผมแนะนำว่า ลองปรึกษา เจ้าหน้าที่เพื่อขอคำแนะนำ ที่ดีกว่าคำแนะนำจากผมดีกว่า เพราะว่า ผมไม่มีอำนาจ ณ จุดนั้น เอาเป็นว่า การที่ัตัวของเราจะออกนอกหน่วย ไปทำอะไร ที่ค่อนข้างเป้นทางการนั้น ถ้าเอาให้ถูกกฏหมายวุ่นวายมากครับ คุณต้อง มีใบลาและหลักฐานการลา อย่างชัดเจน รวมถึงเหตุผลที่สมเหตุสมผล
      และ … แน่นอนว่า ต้องสมเหตุสมผล กับ ” หมู่เพื่อนพ้อง รุ่นน้องรุ่นพี่ ” ด้วยเช่นกัน… มันถึงค่อนข้างวุ่นวายสำหรับบางที่ครับ..

  13. สงสัยครับ says:

    ขอบคุณมากครับที่นำประสบการณ์ดีๆมาเล่าสู่กันฟัง

    อยากสอบถามข้อมูลเรื่่องทหารเกณฑ์หน่อยน่ะครับ

    ว่าจริงหรือเปล่าครับที่ว่าทหารเกณฑ์ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ข้าวปลาอาหารต่างๆ ไม่ฟรี(หักจากเงินเดือน)

    แล้วตอนที่คุณเป็นทหารน่ะครับ เงินเดือน(หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว)ได้จริงประมาณเท่าไหร่ครับ

    แล้วตอนที่คุณไปจับใบดำใบแดงน่ะครับ เขาต้องการทหารเยอะไหมครับ คนสมัครน้อยหรือเปล่า

    เท่าที่ฟังมา เห็นเขาบอกว่าที่ต่างจังหวัดคนจะสมัครกันเยอะกว่าในกรุงเทพน่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณเห็นด้วยหรือไม่อย่างไรครับ

    เท่าที่ฟังมาหลายๆที่ เหมือนว่าแต่ละหน่วยจะไม่เหมือนกัน แต่อยากทราบว่าตอนที่คุณเกณฑ์ทหารน่ะครับ ได้มีเวลาทำกิจกรรมส่วนตัวเยอะไหมครับ แล้วบรรยากาศในนั้นรู้สึกอึดอัดบ้างหรือเปล่าครับ รวมถึงชีวิตส่วนตัวในค่ายด้วยน่ะครับ

    ขออภัยที่ถามเยอะไปหน่อยนะครับ แต่ผมอยากรู้ข้อมูลพวกนี้จริงๆน่ะครับ

    ยังไงถ้าไม่เป็นการรบกวนก็ช่วยไขข้อสงสัยต่างๆให้ผมด้วยนะครับ

    แล้วถ้ามีข้อไหนที่ดูไม่เหมาะสมหรือไม่ประสงค์ที่จะตอบ ก็สามารถเว้นไว้ก่อนก็ได้ครับ

    ยังไงก็ขอขอบคุณมากๆสำหรับบทความดีๆนะครับ

    หวังว่าคงจะได้มีโอกาสอ่านบทความดีๆแบบนี้อีกต่อไปในคราวหน้า ^_^

    • nitoniwatori says:

      ขอตอบคุณสงสัยด้วยความยินดีครับ

      ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ถ้าถามว่าฟรีไหม มันก็ก้ำ กึ่ง เอาเป็นว่าขอผมได้อธิบายสิ่งที่ผมเจอจะดีกว่า

      การเป็นทหาร (ในที่นี้ผมหมายถึงพลทหาร ที่ได้รับการคัดเลือก ไม่ว่าจะสมัครหรือจับได้ใบแดงมา)
      จะแบ่งเป็นช่วงเวลาสองช่วงใหญ่ๆ คือ ช่วง ฝึกทหารใหม่ ในระหว่าง สามเดือนแรก และ ช่วงที่ ประจำกองร้อย
      ในเวลาทีเหลือหลังจากการฝึก (ไม่รวมพวก ฝึกหลักสูตรพิเศษ ของแต่ละกองร้อย หรือ กองพัน)

      ในช่วงเวลาฝึกทหารใหม่นั้น เราจะมีทุกอย่างครับ เรียกว่า ” ไปแต่ตัวทัวร์ ยกแก็งค์ ” ก็ได้ คือ คุณมาแต่ตัวแต่คุณ
      ได้ทุกๆ สิ่ง… ตั้งแต่ ถุงเท้า รองเท้า เสื้อผ้า กางเกงใน มุ้ง ผ้าห้ม หมอน ที่นอน ขัน สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน มีดโกน …. … ฯลฯ เอาเป็นว่า อย่างที่ผมบอกครับ มีแต่ตัว พอ…

      ซึ่งของพวกนี้ ไม่ได้หักจากเงินเดือนเราแต่อย่างใด … แต่หลังจากที่เราฝึกเสร็จ เราจะได้แค่ เสื้อผ้า และ รองเท้าจังเกิ้ล (ไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนเป็นแจกคอมแบ็ทรึเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจครับ คือ ผมก็ปลดไปหลายปีแล้ว)

      สิ่งที่ไม่ได้รับแจกอีกคือ พวก สบู่ เอย แฟรงสีฟัน ยาสระผม ของใช้ประจำวันพวกนี้จะไม่ได้รับแจกอีกครับ
      (ซึ่งพูดตรงๆ นะครับ แจกมา ในเวลานั้นคนส่วนใหญ่คงอยากจะใช้ของอื่นที่ตัวเองอยากใช้มากกว่าของแจก)

      ส่วนเรื่องอาหาร….

      อาหารนั้น ไม่ฟรีครับ… แต่ หักจาก ” เบื้ยเลี้ยง ” … ในเวลาฝึกนั้น… ยังไงก็ต้องกิน… (แต่ส่วนมาก จะไ่มได้กินฮ่ะๆๆๆ แม้จะอยากกิน…)

      ในช่วงเวลาที่ขึ้นกองร้อยแล้ว ความเข้มงวด อาจน้อยลง เราอาจไม่กินข้าวที่โรงเลี้ยงก็ได้… แต่ไม่ว่าเราจะกินหรือไม่กิน… เรายังคงต้องหักส่วนนึงของเบี้ยเลี้ยง เป็นค่าประกอบอาหารครับ…

      ตอนผมเป็นทหาร เงินเดือนนั้น แยกเป็นหลายช่วง ตั้งแต่ ทหารใหม่ … > พลทหาร > สิบตรีกองประจำการ

      ส่วนเงินเดือนในยุคผมนั้น จำได้ว่า ได้พันกว่า จนถึงสองพันกว่า ราวๆ นี้ผมจำไม่ค่อยได้เหมือนกันครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ = =” แต่จำได้ว่า ไม่ค่อยเหลือ เกิน สองอาทิตย์ ส่วน สมัยนี้นั้น เท่าที่ผมเคยได้ยินรุ่นน้อง เห็นบอกว่า ได้ 4-7 พัน ได้ครับ..

      (ถ้าให้ผมพูดตรงๆ นะครับ… ผมได้เงินจากการรับจ้างเข้าเวร… มากกว่าเงินเดือนอีก… อย่างผลัด 3 เข้าแค่ 3 ชั่วโมง ที่กองพันผม จะรับกัน 150 บาท แล้วบางทีผมฟิตจัดก็รับเบิ้ลไปเรื่อย … ลงทุน ลิโพ สี่ขวด อยู่ได้ยันเช้าครับ เหอๆๆ… แต่ถ้าพลาดหลับเวร เจอ แดกมาก็ไม่คุ้มเหมือนกัน… = =”… กองพันอื่น อัตราสูงกว่านี้ก็มีครับ ยิ่งวันหยุด บางทีจ้างกัน เป็นพันๆ … )

      ตอนที่ผมเข้ารับการคัดเลือก (จับใบดำ ใบแดง) นั้น เอา 1 ใน 3 ครับ.. .ผมเขตบางแค ปีนั้น 300 คน เอา 100 คน ครับ…

      ปีก่อนหน้านั้น คนสมัครเต็ม… เพื่อนผมก็บอก ผมว่า ” เฮ้ย ไม่ต้องห่วงสมัครเต็ม… ” สรุป คืออย่างที่คุณรู้ครับ… ผมเป็น 2 ปี

      ที่ต่างจังหวัดสมัครเยอะกว่ากรุงเทพ อันนี้ ผมคิดว่าน่าจะจริง.. เพราะมันมีหลายเหตุผลครับ… เช่น ครอบครัว อยากให้เป้น หรือ อาจไม่มีงาน…

      ส่วนชีวิตการเป็นทหาร ถามว่าอึดอัดไหม… ผมไ่ม่รู้จะอธิบายคุณได้อย่างไร ถ้าคุณ ” ไม่เคยเป็น ” …

      อึดอัดครับ… ยิ่งคุณมีสิ่งที่ต้องทำในชีวิตมากเท่าไหร่ ยิ่งคุณมีสิ่งที่เป็นห่วงรออยู่ข้างนอกมากเท่าไหร่
      ยิ่งคุณเสียสิ่งต่างๆ ไปมากเท่าไหร่ … ความอึดอัดจะยิ่งทวีคูณ

      เพราะคุณรู้สึกสูญเสีย.. .มากกว่าได้มา… ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมว่ามันอยู่ที่มุมมอง แต่สำหรับผม ผมยอมรับอย่างทุกๆ ครั้ง ที่ผม เฝ้าบอกตอบทุกคำถามที่ผู้คนถามผมว่า ถ้าให้ผมเลือก ผมอยากเป็นทหารไหม ผมไม่ได้อยากครับ..

      และถ้าเลือกได้ ผมเลือกที่จะไม่เป็น แต่ถ้าถามว่า ผมได้สิ่งดีดีจากการเป็นทหารบ้างไหม..
      ผมก็ตอบตัวเองได้ว่าสิ่งที่ผมเคยผ่านตอนเป็นทหาร … ทำให้ผมรู้ว่า สิ่งที่ผมเจอในโลกภายนอกนั้นมัน..
      ช่างเล้กนิดเดียวครับ กับความลำบากที่ผ่านมา

      อิสระ คือสิ่งที่ ทุกชีวิตต้องการครับ…

      ชีวิตการเป็นทหาร ในช่วงการฝึกจะเป็นช่วงที่ “ควรจะ” เหนื่อยที่สุด บางครั้งอาจบาดเจ็บ หรือ อาจเกิดการเสียชีวิต เนื่องจากการฝึก เรื่องเวลาทำกิจกรรมส่วนตัว… เลิกคุยได้เลยครับ… ถ้าผมบอกว่า มีเวลาให้เข้าห้องน้ำ 1 นาที คนไม่เคยเจอคงหัวเราะแล้วบอกว่า ” เว่อร์ “…

      ช่วงที่ผ่อนคลายที่สุดในช่วงการฝึก คือ ” วันเยี่ยมญาติ ” จะเป็นวันที่คุณผ่อนคลายมากที่สุด… (อย่างน้อยมากกว่าช่วงเวลาฝึก) หลายคนหลั่งน้ำตาให้กับการมาของ ญาติ ไม่ว่า พ่อแม่ คนรู้จัก.. เป็นช่วงเวลาที่ ทำอะไรได้อิสระที่สุด (แต่ก็ยังคงต้องอยู่ในกรอบ เชื่อเถอะว่า ควรจะอยู่ในกรอบ… แม้คิดว่าจะไม่มีใครเห็นก็ตาม)

      พอขึ้นกองร้อย ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละที่แล้วว่า มีความเคร่งครัด และ ต้องการความพร้อม “รบ” หรือ ปฏิบัติการ มากแค่ไหน… กรณีที่ไม่มีฝึกหลักสูตรพิเศษ…

      เราจะได้พบกับ รุ่นพี่ … หมู่/จ่า … ในคนหมู่มาก มีคนหลายแบบ อาจมีทั้งที่เข้าใจเราและไม่เข้าใจ
      ไม่ว่าเพื่อนเรา (ที่เราจะรู้สันดานกันตั้งแต่ตอนฝึก) หรือ รุ่นพี่ รุ่นน้อง…

      ความอึดอัดจะน้อยลง ตามการปรับตัวของตัวเรา รวมถึงหน่วย อย่าง ถ้าผมถามคุณ ว่า การที่คุณไม่ได้กลับบ้านเป็น แรมปี คุณอึดอัดไหม ? … ผมอาจโชคดีกว่าใครหลายคนตรง ผมไม่มี ภรรยา หรือ แฟน แต่ผมเองก็มีพ่อที่ป่วย และ ไม่มีใครดูแล… ใจผมน่ะ ไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไหร่ หรอก และ ผมก็สูญเสียการงาน ที่มี…ก่อนหน้ารับราชการ แต่… มันก็คือหน้าที่ อย่างน้อย ผมก็ไม่ได้หนี และ ปฏิบัติ และ ผมก็ภูมิใจในสิ่งที่ผ่าน และ รู้สึกดีที่ ผมได้เจอคนดีดี

      ถ้าเราทำตัวดี เราจะอึดอัดน้อยลง แ่ต่ถึงอย่างไร เราก็ยังคงต้องการ อิสระภาพ แต่เราก็ยังคงต้องอยู่ในกรอบ อยู่ในระเบียบ และ… อยู่ภายใต้คำสั่ง … ไม่ว่ามันจะสมเหตุสมผล หรือ ไม่สมเหตุสมผล … เราอาจต้องทำบางสิ่งที่เราไม่อยากทำ… ” เชื่อเถอะว่า การที่เราทำสิ่งที่ไม่อยากทำ มากๆ มันคงอยากที่จะบอกว่า เราทำแบบไม่อึดอัด ” … แต่สุดท้าย มันคือหน้าที่…

      ผมได้แต่คิดว่า ผมโชคดีมากๆ กว่าคนอื่นหลายๆ คนที่ เสียชีวิต ที่ เป็นทหารท่ามกลางสมรภูมิรบ

      ส่วน เวลาส่วนตัวในช่วงเวลาที่เราประจำกองร้อย นั้น… จะมีมากน้อยขึ้นอยู่กับ ฤดู และ จำนวน ทหาร ในกองร้อย ที่มีเหลื่อ … ถ้าไม่มีคนเลย เราอาจได้เข้าเวรทุกวัน อาจไม่มีวันหยุด ที่จะได้นอน พักเหนื่อยอยู่แต่บนกองร้อย … แต่ถ้าคนอยู่กันเยอะ มันก็เหมือนบ้าน … พอ เลิกงาน ค่ำๆ ดึกๆ เราก็ พักผ่อน ดูหนังบ้าง ฟังเพลงบ้าง หรือ หุ้นกัน ซื้อของกินมารับประทาน หรือ อาจ เตะบอล ในวันหยุด ทำกิจกรรมที่ เราทำได้ ภายใต้เวลา ที่เรามั่นใจว่า ไม่มีงาน (แน่นอน เราต้องสอบถาม สิบเวร ประจำกองร้อยให้ดีก่อน ไม่เช่นนั้น…. วันดีดี อาจเป็นวันนรกแตก ก็ได้…)

      สรุปว่า ความอึดอัด มีแน่นอนครับ อยู่ที่ตัวเรา ว่าเราปรับตัวเข้ากับ กฏ เข้ากับ ระเบียบ ได้แค่ไหน เข้ากับคน ได้เท่าไร….

      เราจะได้เห็น คนหลากหลายในชีวิตการเป็นทหารแน่นอนครับ…

      อาจตอบได้ไม่ละเอียด เพราะ มันอธิบายยากครับ … แต่ผมเชื่อว่า คนที่เคยเจอมาจะเข้าใจได้ดี…

  14. ผ่านมา says:

    ทหารเกณฑ์ได้หยุดช่วงวันหยุดราชการหรือเทศกาลต่างๆ เหมือนกับชาวบ้านบ้างไหมครับ
    สามารถเลือกวันลาได้หรือเปล่าครับ

    แล้วตอนที่ปลดออกมาน่ะครับ ตัวดำขึ้น อ้วนขึ้น หรือมีแผลเผลออะไรติดตัวมาบ้างหรือไม่ครับ
    คนที่ผมรู้จักคนนึง พอเขาปลดออกมาแล้วน้ำหนักขึ้นเยอะมากเลยครับ แถมตัวดำขึ้นจนแทบจำไม่ได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนแกก็เป็นคนขาว
    แล้วตอนที่ท่านปลดออกมาน่ะครับ มีอะไรในร่างกาย หรือสภาพร่างกายต่างๆ ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้่างไหมครับ

    • nitoniwatori says:

      ตอบคุณ ผ่านมา นะครับ

      ทหารเกณฑ์ ได้หยุดวันหยุดราชการครับ…
      แต่นั้นไม่ได้แปลว่า ทุกคนจะได้หยุดซะทีเดียว…
      เนื่องจากยังมีทหารที่ต้องเข้าเวร ครับ และการได้หยุดวันหยุดราชการ
      ก็ไม่ได้แปลว่า จะได้กลับบ้าน…(คือ ถือเป็นคนละส่วนกันครับ หยุด แต่ก็ต้องนอนกลิ้งอยู่ในกองร้อย
      เว้นแต่ว่าบางหน่วยที่ไม่ได้เข้มงวดจุดนี้อาจ ลากลับบ้านได้สะดวก หรือ มีจำนวนทหารที่มาก ก็อาจลากลับบ้านได้เช่นกัน แม้จะเป็นแค่ วันหยุดวันเดียว ( ไปเช้า เย็นกลับหน่วย ) )

      วันลา สามารถ ” ถูก ” เลือก ได้ครับ…. กำหนดลาจริงแล้ว ผมมองว่าอยู่กับหน่วย อยู๋กับ คนที่มีอำนาจตัดสินใจ
      ถ้าเกิด มี รุ่นพี่คนใด ถูกรับเลือก เป็นคนจัดลำดับการลา คนผู้นั้นก็สามารถตัดสินใจที่จะปล่อยลา ในรุ่นต่างๆ ให้เป็นตามลำดับได้ครับ ( คือ ต่อให้รุ่นเดียวกัน ใช่ว่าจะได้ลาพร้อมกันเสมอไป บางครั้งเราอาจต้องยอมให้เพื่อนได้ลาไปก่อน เพราะว่า ขาดคนจะอยู่กองร้อยครับ )

      ซึ่งการลานั้นปกติ ทางจ่ากองร้อย จะจัดการวางคิวไว้ล่วงหน้า แต่เขาอาจจะกำหนดตัว หรือ ไม่กำหนดตัวก็ได้… หรือ อาจมอบอำนาจให้ จ่า หมู่ คนอื่นช่วย ทำตรงนี้ก็ได้ ครับ… (แน่นอนว่าทุกๆ การลา คนที่ต้องเซ็น กำกับคือ ผบ.กองร้อย ที่เราประจำอยู่ หรือ คนที่ทำหน้าที่แทน ง่ายๆ ว่าทุกๆ การลา ” ที่ถูกกฏ ” จะต้องมีการนำวันลา ไปคำนวณ ค่าใช้จ่ายต่างๆ และ รายงานยอด ต่อ กองพัน ให้ทราบ ว่ากำลังพล นั้น เหลือเท่าไหร่ ในกองพัน เพราะบางที่ เข้มงวด อาจ อยู่ดีดี เรียก ตรวจ กลางดึก ก็ได้.. ถ้าตรวจมายอดไม่ตรง ล่ะฮาครับ…)

      ส่วน ดำขึ้นไหม อ้วนไหม ผมว่า อยู่ที่คนด้วยนะครับ… เอาตัวผมเลยแล้วกัน

      ก่อนเป็นทหาร ผมหนัก 75kg ได้ (ผมสูง 190cm)
      ตอนวันที่ได้ลา หลังจาก จบฝึก ทหารใหม่ (สามเดือนแรก) ผมเหลือ 50 กว่า
      ตัวดำนั้นไม่ต้องพูดถึงครับ ดำจนลอกเป็นแผ่นๆ (ผิวไหม้) (คือ ผมไ่ม่รู้นะว่า มีหน่วยที่ ปล่อยให้ขนาด มาทากันแดด ตอนฝึกไหม ฮ่ะๆ แต่หน่วยผมไม่มีครับ และ ผมก็คิดว่าคงไม่มี ปล่อยขนาดนั้น) แดด กับ ทหารคือของคู่กันครับ ทหารคือ นักรบ ถ้าเป็นทหารเพื่อรบ แต่ไม่โดนแดดเผา ในตอนฝึก ผมว่ามันก็แปลก

      จริงๆ ถ้าไม่เกรงใจว่าจะตกใจกลัวจะเอารูป ตัวผมสมัยฝึก หน้าเหมือนผี มาให้ชม แต่เกรงใจครับ ฮ่ะๆ

      แค่ลาฃ่วงแรก ออกมา แค่สิบวัน ผมก็ กินกระจาย แบบ มันเครียดหลายเรื่องครับ…
      น้ำหนักขึ้นอย่างเร็ว รู้สึกได้จากการใส่กางเกงเป็ดน้อย แล้วมันฟิต
      บ่อยครั้งที่ใครลากลับบ้าน นานๆ เช่น อาจมีการดองผลัดลา จน ได้ ลาิติดกัน 20 วัน หรือ 15 วัน กลับมาอีกหน
      ีสภาพเป็นลูกหมู ขาแน่น ฟิต ขอบกางเกงเป็ดน้อย (กางเกงชุดกีฬา ขาสั้นเกือบถึงไข่ …(รู้สึกว่ารุ่นใหม่เป็นยาวปิดหน้าขา ผมไม่แน่ใจว่าเขาเปลี่ยนแล้วหรือยัง แต่ รุ่นเก่าเหมาะ กับการฝึกมากกว่าผมว่านะ…)

      ตลอดเวลาในหน่วยถ้าเราอยู่หน่วยที่ หนัก เราไม่มีทางอ้วนหรอกครับ เว้นเสียแต่ว่า เรา “โครตอ้วนเลย”
      ถ้าเราไม่ผอมตอนฝึก … เราก็จะไม่ผอมลงในตอนอยู่กองร้อย

      หลังจากเป็นทหารครบกำหนด … ส่วนใหญ่จะน้ำหนักขึ้นกันหมดครับ ขึ้นมากขึ้นน้อย…
      อข่างผม …
      ก่อนเป็นทหาร 75
      ตอนฝึกหนัก 5x
      ตอนอยู่กองร้อย 64

      …. หลังจากปลดประจำการ… 115kg !!

      ครับ.. 0.115 ตัน… (ควรจะภูมิใจ ? ในที่สุดชั่งน้ำหนักเครื่อง ชั่ง digital ก็โชว์ เลข สามตัวเสียที..)

      ส่วนตัวผม ตอนที่ปลดออกมา

      ก็มีหลายอย่างเปลี่ยนไป แผลก็มีทั่วไปครับ ไม่ว่าบนหน้าบนหัวบนตัว… มันเป็นแผลจากการฝึกซะมาก นอกนั้นก็อุบัติเหตุ เช่น นิ้วก้อยผมแตก ทุกวันนี้ยังเจ็บ (แตกเพราะต่อยกันในกองร้อยครับ) คนที่หนักกว่าผมก็มีพวกกระดูกแตก กระดูกหัก หรือ เสียชีวิต… ที่เหลือก็นิสัย ที่ผมรู้ตัวเลยว่าเป็นคนใจร้อนมากขึ้น (เพราะแต่ก่อนผมใจเย็น)
      ขี้หงุดหงิด (คล้ายโมโหง่าย)

      แต่ผมคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับบางสิ่งที่ผมสูญเสียระหว่างการฝึก … (หลักคงเป็นเรื่องการได้ยิน เพราะผมทำงานด้านเสียง
      และหลังจากเป็นทหาร ผมก็ไม่สามารถทำงานเดิมได้อีก.. ตลอดชีวิต รวมถึงผมก็เป็นนักดนตรี.. มีหลายอย่างที่ทำให้รู้สึก
      หดหู่ใจครับ แต่มันก็แลกมาในแง่มุมที่ว่า หนักอย่างนั้นเราก็ผ่านมาได้ ถึงผมจะไม่ใช่คนที่ทำได้ดี)

      แต่ถึงอย่างไร มันก็ดีกวาเสียชีวิต อย่างเพื่อน บ้างคนครับ…

      สำหรับ เพื่อนๆ ที่เป็นห่วง ในการรับราชการทหาร ของตัวเอง หรือ ของ บุตร ญาติ พี่น้อง..
      แนะนำว่า อย่างแรก คือ ร่างกาย ที่ต้องเตรียมตัวให้ดี ถ้าเป็น นักกีฬา ด้วยล่ะก็ผ่านครับ..
      ตัวผมที่ มันมีปัญหาเยอะ เพราะผมเป็นนักดนตรี ไม่ใช่นักกีฬาร่างกาย ไม่ค่อย พร้อมเท่าไหร่

      แต่พิมพ์มาแบบนี้ก็เหมือนข้ออ้าง แต่ผมแค่หวังดีครับ อย่างคนที่มีโรคประจำตัว ให้รีบดำเนินการ
      สอบถามให้ดี เพราะว่า อย่างผมมีโรคหอบ โรคหัวใจ ถึงมีประวัติการรักษา อยู่สม่ำเสมอ ..
      หรือเคยโคม่า ก็ตาม เขาไม่สนใจหรอกครับ ถ้ามาจาก โรงพยาบาลอื่นๆ ไม่ว่า ราชการ หรือ เอกชน
      จำไม่ผิด รู้สึกว่าต้องเป็น ประวัติ จาก โรงพยาบาล ทหาร เท่านั้น

      (ผมไม่ได้ชี้ทางให้คนหนี่ทหารนะครับ แต่ ผมมองว่า ถ้าจะมีคนตายเพิ่มขึ้น จากการเป็นทหาร
      หรือ บาดเจ็บพิการ เพราะพวกเขา ไม่หนีทหาร บางที คนพวกนี้อาจมีประโยชน์ต่อประเทศชาติ
      มากกว่า ผมเข้าใจดีทหารนั้น มีความสำคัญ เพราะตัวผมเองก็ผ่านการเป็นทหารมาเข้าใจ ไม่ว่า
      ทหารที่เป็น พลทหาร หรือ ทหารอาชีพ อย่าง หมู่ จ่า หรือ จะเป็น ทหารชั้นสัญญาบัิตร)

      แต่ส่วนคนที่พร้อม นอกจากร่างกาย คงไม่ีมีอะไร แล้วครับ ที่เหลือ คือ ใจ
      แล้วก็… เรื่องนึุงที่ผมทำไม่ได้ดีแต่แนะนำได้ ว่า … ” อย่าเด่น อย่าด้อย จะปลอดภัย ”

      ใครทำอะไรก็ทำๆ ไป และสำคัญคือ… อย่า ขายเพื่อน อย่าฟ้องนาย อย่าเลียนาย
      สิ่งใดที่เราไม่ชอบอย่าไปทำ ครับ ชีวิตการเป็นทหารมันอาจแค่ไม่กี่ปีสำหรับ พลทหาร
      แต่นิสัยที่เราเปลี่ยนไป ถ้ามันในทางที่ไม่ดี มันอาจติดตัวเราไปตลอดกาล

      แล้ววันใดที่เราเป็นทหาร เป็นรุ่นน้องเล็กสุดในกองร้อย ในกองพัน เราเจอรุ่นพี่แย่ๆ
      (คิดว่าคงต้องเจอครับ) ขอให้เราอย่าทำตัวแบบเขา ในวันที่เราเป็นรุ่นพี่
      ผมบอกได้เลยว่า มีหลายเรื่อง ที่ ตอนเราเข้าไปใหม่ๆ ในกองร้อยจะไม่รู้เรื่อง
      อย่างเช่นบางครั้ง ที่ รุ่นพี่ อาจหงุดหงิด โกรธ บางทีเขาอาจเจอ แดก รับผิดชอบการ
      ขาดวินัยของพวกรุ่นน้องครับ … (เหนื่อยครับ ไอ้ตัวเรายังบังคับให้อยู่ในวินัยได้ แต่
      ถ้าเราต้องเหนื่อยเพราะรุ่นน้อง ทำตัวไม่อยู่ในวินัย ระเบียบ เนี่ย หนักใจครับ)

      ขอให้เป็นรุ่นพี่ ในแบบที่เราเคยอยากมีรุ่นพี่แบบนั้น
      เรื่องร้ายๆ ผมคิดว่าต้องมี แต่ขอให้พยายามมองเรื่องแง่ดีของมัน
      ทุกวันนี้ไ่ม่ว่าผมเจอเรื่องที่มันแย่แค่ไหน ผมจะนึกเสมอว่า ที่เหี้ยๆ (ขอโทษนะครับที่หยาบ) กว่านี้ก็ผ่านมาได้
      ทำไมเรื่องแค่นี้เราจะผ่านไปไม่ได้ … ไม่ว่าเรื่องที่มันก่อความเจ็บปวดทางร่างกายหรือ จิตใจ ผมบอกได้เลย
      ว่าถ้าคุณผ่านการฝึกหนัก ในการใช้ชีวิตเป็นทหาร ผ่านการมีกฏระเบียบที่เคร่งครัด ฃนิด รองเท้าต้องเงา เห็นขนจมูก
      เสื้อห้ามมีด้ายยื่นออกมาให้เห็น ห้ามยับ ฯลฯ ทุกๆ สิ่งที่คุณพยายามบังคับตัวเอง มันน้อยครับที่จะมีอะไรอย่างอื่น
      ในโลกภายนอก ทำได้ขนาดนั้น นอกจากเสียแต่ว่า ตัวเรา ” ลืมสิ่งที่เคยผ่าน ”

      ผมรับรองว่า ประสบการณ์ การเป็นทหาร หาจากข้างนอกไม่ได้ครับ…
      ไม่ใช่ทุกคนจะได้เป็น มีแค่คนที่ สมัคร และ จับได้ใบแดง แค่นั้นแหละครับ

  15. ชีวิตก็เป็นอย่างนี้ says:

    ^_^

    สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังครับ

    อยากทราบว่าคุณเคยโดนเรียกพลหลังจากที่ปลดประจำการมาแล้วบ้างหรือเปล่าครับ

    เพราะเคยได้ยินมาว่าคนที่เรียน รด. กับทหารเกณฑ์ที่ปลดประจำการแล้ว มีโอกาสที่จะโดนน่ะครับ

    ตอนคุณฝึกได้เจอด่านบ่อขี้หรือเปล่าครับ คนที่ผมรู้จักเขาเจอด่านนี้มากันมาแทบทุกคนเลยน่ะครับ

    แล้วระยะปรับตัวหลังปลดประจำการมา เป็นอย่างไรบ้างครับ กว่าที่ร่างกายและจิตใจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม(ได้ไหม)

    สำหรับคุณแล้ว ด่านไหนที่คุณว่ายากที่สุด ทรมานที่สุด ใจร้าวที่สุดบ้างครับ

    แล้วคุณได้อะไร(ดีๆ)มาบ้างหรือเปล่า จากการเป็นทหาร(เกณฑ์) ไม่นับความเข้มแข็งทางจิตใจนะครับ

    ถ้าไม่เป็นการรบกวนก็ช่วยตอบให้หน่อยนะครับ

    ขอขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆ ที่นำมาแบ่งปันครับ

    ^_^

    • nitoniwatori says:

      ก่อนอื่น ก็ขอสวัสดีปีใหม่ ด้วยนะครับ

      การเรียกย้อนหลัง นั้น เกิดขึ้นได้ครับ ( แต่ผมไม่เจอ หรือ ว่าหมายมาไม่ถึงก็ไม่ทราบได้ฮ่ะๆๆ )
      คือ ถ้าเจอ เท่าที่ฟังมา คือ แค่กลับไปฝึกเตรียมความพร้อมเฉยๆ ครับ ไม่ได้หนักเหมือนที่เคยผ่านแน่

      โอกาศเจอเรียก จะมี อยู่ ประมาณ หลังจากปลด ไปแล้ว 3 ผลัด (ถ้าผมจำไม่ผิด) หรือ ว่าง่ายๆ คือ 2 ปีครึ่ง หลังจากปลด … ถ้าเลยกว่านี้สถานะภาพเราก็จะไม่โดนเรียกเป็นคนแรกๆ ครับ….

      ในรายละเอียดส่วนเรื่องการฝึก ผมคิดว่า มีหลายส่วนที่ผม Public ไม่ได้ ต้องขอโทษด้วยครับ แต่ยืนยันว่า
      เราคงไม่เจอในโลกภายนอกแน่ครับ

      ผมว่า สิ่งที่ยากที่สุดคือการเห็น เพื่อนตาย ต่อหน้าต่อตา หรือ การเห็นรุ่นน้อง ตายจากการฝึกครับ

      หรือ การเห็นตัวเองอยู่ในสภาพ พิกรพิการ นั่นคือสิ่งที่ทำใจยากที่สุด ความเหนื่อย ความกลัว ความเจ็บ
      เราพัก หลับไปตื่น พักไปเดือน เราก็หาย… แต่ สิ่งที่เราสูญเสียและไม่มีวันได้คืน นั่นแหละคือความเจ็บปวดที่สุดครับ (ผมสามารถพูดได้ เพราะ มันคือสิ่งที่ผมผ่านมา แต่ถ้ามาถามผมตอนที่ฝึกอยู่ผมคงบอก ว่าอะไร ก็ตามที่มันโดน หลัก พัน ยก ไอ้นั่นแหละ แย่มาก… นอกนั้นก็พวกกินของที่ไม่ควรกินอย่างที่สุด … หรือ เรื่องอึดอัดใจทั้งหลาย)

      หลังปลดประจำการ มา หลายอย่างเปลี่ยนไปครับ บางส่วนไปในทางที่ดี และ เช่นกันบางส่วนก็ในทิศทางที่แย่
      ส่วนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมนั้น ผมว่า คงไม่ … ในส่วนตัวผม เพราะ ผมสูญเสียการได้ยิน ครับ… และผมเป็นนักดนตรี … แล้ว ผมก็ต้องสูญเสียงาน สูญเสียสิ่งที่ตัวเองรัก… แต่มันคือความจริงที่ต้องยอมรับ แล้วคิดแง่ดีว่า เราโชคดีแค่ไหนที่ไม่ตาย

      สิ่งดีดี ที่ได้ ถ้าไม่นับทางด้านจิตใจที่เข้มแข็งขึ้น คงเป็นมิตรภาพ ในหมู่เพื่อนฝูง ที่เคยลำบากด้วยกัน
      ประสบการณ์ การได้เจอคนหลายๆ แบบ การได้ทำงานเป็นทีม ได้ฝึกควบคุมตัวเอง ควบคุมอำนาจที่ได้รับ
      และ ระเบียบวินัย การอดทนอดกลั้น ภายใต้กรอบระเบียบ (อยากเกร่นก่อนเลยว่า เดิมทีผมเป็นพวก รัก อิสระมาก และ พูดตรง ปากตรง ซึ่ง ผมกล้าพูดเลยว่า บุคลิคของผม เป็นบุคลิคที่ ” ไม่เหมาะ ” กับการเป็นทหาร)

      ต้องขอโทษด้วยนะครับที่อาจไม่ได้ตอบระเอียด

      ผมคิดว่า ผมสามารถภูมิใจได้ ในฐานะที่เคยรับใช้ชาติ ทุกวันนี้ผมก็ยังคงใส่แหวนรุ่นอยู่ตลอดเวลา
      สองปีที่หายไปของชีวิตนักดนตรี สู่การรับใช้ชาติในฐานะทหาร หรือการทำหน้าที่ของพลเมืองภายใต้กฏหมาย

      ผมว่าผมก็ลูกผู้ชายคนนึง ที่ไม่ได้ หนี (แต่ถ้าคุณถามผม อีกที ผมขอบอกตามตรงจากใจ ถ้าผมรู้ก่อนว่า ผมจะเสียหู ผมไป ผม… อาจหนี)

      ถึงอย่างไร ผมว่ามันคือโชคชะตา ครับ โทษใครไม่ได้ ก็เราจับมันขึ้นมาเองนิ ใบแดง ฮ่ะๆๆ
      ผมว่าผมยังโชคดีมาก ที่ไม่ได้ ลงภาคใต้ แถม ยังได้เจอ หมู่จ่า ดีดี รุ่นพี่ เพื่อนๆ รุ่นน้อง ที่ดีดี
      ผมว่าสิ่งนี้แหละ คือ ” กำลังใจ ” ที่ทำให้ผมสามารถดำรงชีวิต ในช่วงเวลานั้นได้ …
      ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่า ผม ผ่านการฝึกมาได้ ด้วยเพราะมีเพื่อนที่ดี ( ไม่นับ บัดดี้ เฮงซวยของผม… )
      และผมอยู่กองร้อยได้ เพราะ ผม มีจ่าๆ หมู่ๆ ที่ดีดี เข้าใจผม (ถึงแม้บางทีเขาอาจช่วยอะไรผมไม่ได้ก็ตาม
      แต่การที่เขาเข้าใจ ไว้ใจ เชื่อใจ นั่นถือเป็นการช่วยผมแล้ว)

      เหมือนฝันครับ ถ้าคุณถาม ผม

      ระหว่างที่ผมกำลังกลิ้งบนสนามหญ้า ระหว่างการฝึก ผมจำได้เลยว่า ผมคิดว่า ” เรามาทำอะไรที่นี่ ? ”
      ผมคิด ” ในกรุงเทพมีที่แบบนี้ด้วยเหรอ… ถ้าเราไม่ได้อยู่นี่ป่านนี้เราคงกำลังนั่งเล่นกีต้าร์อยู่ … ”

      ทุกๆ ปีช่วงเดือน พฤศจิกายน … ผมจะคิดว่า คงมีคนรุ่นหลัง ที่กำลัง ฝึกทหารใหญ่ อย่างยากลำบาก
      และ คงมีบางคนที่กำลัง ” กลิ้ง ” ในที่ๆ ผมเคยกลิ้งมาก่อน เช่นเดียวกับตัวผม ที่ทำแบบนั้น ตามคนรุ่นก่อนๆ

      สุดท้าย ผมคิดว่า ” ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เป็นทหาร ” และ ได้เป็นทหารจริงๆ ทหารที่ผ่านการฝึกหนัก
      ไม่ใช่ทหารที่เส้นเข้าไปเป็น ไม่ใช่ทหารที่สอบเข้าไปนั่ง

      ถ้าถามผมว่า ผมยอมรับชะตาได้เมื่อไหร่ คือ หลังจากปลดประจำการไปแล้ว 4-5 ปี ผมถึงยอมรับในสิ่งที่เสียและพยายามไม่คิดถึงมัน เพราะ ผมแก้ไขอะไรไม่ได้

  16. ขอบคุณ says:

    อยากถามเรื่องการตรวจสุขภาพร่างกายก่อนเกณฑ์ทหารหน่อยน่ะครับ

    พอดีมีญาติที่กำลังจะไปเกณฑ์ทหารเมษายนปีนี้

    อยากทราบว่าตอนที่จะไปจับใบดำใบแดง เขามีขั้นตอนอะไรอย่างไรบ้างหรือครับ

    ต้องเตรียมอะไรไปบ้าง แล้วต้องตรวจสุขภาพร่างกายก่อนเกณฑ์หรือเปล่าครับ

    ถ้าสมมุติว่าเอาสัมภาระหรือข้าวของเอกสารติดตัวไปด้วย ต้องฝากไว้ที่ใครก่อนหรือไม่ครับ

    เห็นเขาว่าเขาเอาคนที่สูง 160 cm รอบอก 76 cm ขึ้นไป ไม่ทราบว่าตอนที่คุณไปเกณฑ์นี่เป็นยังไงบ้างครับ

    แล้วถ้าหากว่าเราตรวจสุขภาพร่างกายส่วนสูงมาก่อนเรียบร้อยแล้ว รู้ในใจว่ายังไงก็คงได้ ดี 1 ประเภท 1 แน่ๆ

    เราจะสามารถขอเขาที่จะไม่ตรวจร่างกาย แต่ให้ลงในใบเป็น ดี 1 ประเภท 1 ไปเลยได้ไหมครับ

    จะได้ไม่ต้องเสียเวลา และน่าจะไม่มีผลเสียหายอะไรด้วย เพราะถึงจะตรวจยังไงผลก็คงออกมาเป็นแบบนั้น

    รบกวนช่วยตอบไขข้อข้องใจให้หน่อยนะครับ

    ขอขอบคุณสำหรับบทความดีๆ มากครับ

    แล้วจะติดตามอ่านต่อๆไป แน่นอนครับ

    ^_^

    • nitoniwatori says:

      ผมอาจตอบได้ไม่ครบถ้วนนะครับ เพราะ ในตัวผมนั้น สามารถตอบเพียง ” มุมมองใน ฐานะ อดีต พลทหาร ” ผมไม่ใช่ เจ้าหน้าที่ หรือ ผู้รู้กฏหมาย หรือ สัสดี … ดังนั้น เลยอยากให้เข้าใจด้วยน่ะครับ ว่า สิ่งที่ผมเจอ หรือ รู้ อาจไม่ถูกต้องตรงกับสิ่งที่เกิด และ ด้วยความที่ผมเป็นทหาร เมื่อนานมาแล้ว (ร่วมสิบปี) อาจมีการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นครับ…

      การตรวจสุขภาพร่างกาย… ผมไม่อยากพูดอะไรมาก สำหรับ ” ท่านที่หวังไว้เป็นอื่น จะให้ตรวจไม่ผ่าน ” พูดตามตรง แบบ ลูกผู้ชาย ว่าผมไม่ได้อยากเป็นทหาร มีความคิดว่า ถ้าอ้วน เกิน เกณฑ์ คงจะไม่ผ่านการคัดเลือก…

      แต่ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ ตัวผมเองนั้นที่ผ่านการเป็นทหาร เป็นโรคหอบ โรคหัวใจ (ซึ่งโรคพวกนี้ จะกลายเป็นโรคสำออย ในการฝึก แม้อาการมันจะเป็นเรื่องจริงยังไงก็ตาม แม้คุณจะสลบ หรือ ไม่มีแรงยังไง หรือ เจ็บหัวใจแค่ไหน มันก็มีเพียงคุณคนเดียวที่รู้ตัวเอง) อาจดูไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เอาเป็นว่า

      ผมยังมีเพื่อนร่วมรุ่น ที่ สายตาสั้นเป็นพันกว่าๆ ต้องใส่ทั้งแว่น และ คอนแทรกเลนส์ ซ้อนกัน มาเป็นทหาร
      และเพื่อนที่ มีเหล็กดามที่ขาทั้งสองขางฝังอยู่ภายใน… (คนนี้หลังจากจบฝึก เหล็กดามขางอครับ ขาเบี้ยว เหล็กโผล่เลยทีเดียว แต่เขาก็เป็นคนที่ผมนับถือ เพราะ ตอนลาดตละเวน กลางป่าเขากับคู่บัดดี้ของเขา สามารถกลับฐาน ได้ เป็น หนึ่งไม่กี่คนที่ทำได้… ได้เข้าไปนั่งกินมาม่าสบายใจเฉิบ ผมเรียกเขาว่า “ม้าเหล็ก”)

      มองมุมดี ผม และ เพื่อน อีกสองคนที่ว่า ผ่านการฝึกมาได้ …(แม้อาจต้องเขารับการรักษา และ พักฟื้นระยะยาวในภายหลัง)

      คนที่จะไม่ผ่านการตรวจคัดเลือก ส่วนมากคือ ” คนที่ผอม ” (ผมไม่ได้ว่าคนที่ผอมนะ แต่ในสมัยผมคนที่ผอมมากๆ ส่วนหนึ่งคือ … เล่นม้า ผมไม่ได้บอกให้ใครไปเล่นม้าแล้วจะพ้นการเป็นทหารนะครับ = =” เพราะ มีอีกมากที่เล่นม้าแล้วมา ลงแดงกันตอนฝึก บ้างติดผงติดเค มานั่งร้องไห้ตัวสั่น ก็มีให้เห็น ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องปกติ บางคน มาเลิก ได้ตอนเป็นทหาร บางคนก็… เลิกไม่ได้ ฝึกเสร็จ ก็ กลับคืนสภาพเดิม)

      ออกนอกเรื่องมากไปหน่อย เอาเป็นว่า วันที่เราไปตรวจร่างกาย แค่เราเตรียมเอกสาร เกี่ยวกับตัวเราไปให้พร้อม (และเชื่อผม ว่าสำหรับคนที่มีโรคร้ายแรง ให้ไปโอนประวัติไป โรงพยายาบทหารครับ.. เพราะเขาไม่สนใจเลยถ้าประวัติคุณมาจาก โรงพยาบาลอื่นไม่ว่าคุณเคยผ่าน ICU มากี่หนก็ไม่มีความหมายครับ ผมพูดเพราะห่วงไม่อยากให้ใครต้องเป็นอะไรในการฝึก)

      เราขอเขาไม่ตรวจ ไม่ได้ แม้จะขอ เป็นสุขภาพดีก็ตาม
      คิดถึงตามหลักความจริง ” ทุกคนควรเท่าเทียม ” และ มาตราฐานการตรวจควรจะชัดเจน
      แต่ในความเป็นจริง เนื่องจาก คนเยอะ โอกาส ที่จะพลาด ผมว่ามันก็คงเป็นไปได้… เว้นเสียแต่ว่า
      เรารู้ว่าตัวเราเป็นอีกฝ่ายที่ต้องเข้าใจ เงื่อนไขในการตรวจอย่างชัดเจน ( ซึ่ง ผมบอกไปแล้วนะครับว่า ผมเองก็ไม่ได้ รู้อะไรมากในเรื่องราวส่วนนี้รู้แต่ว่า ผม ” พลาด ” ที่ไม่ได้ โอนประวัติ การรักษา เหมือนที่ คนอื่นทำ เพียงเพราะผมเคยคิดว่า แค่เอาประวัติไป เขาก็จะรู้ว่าผมเป็นอะไร หนักแค่ไหนยังไง แต่ก็เข้าใจครับ รพ. อื่นอาจไม่ได้รับความเชื่อถือมากพอ … ตอนนั้นผมไม่รู้ สุดท้าย ผมก็เลยต้องเข้า รพ เพราะ โรคส่วนตัวผมอยู่ดี… ในการฝึก)

      ที่ผมพิมพ์มาทั้งหมดนี่ ไม่ได้ ชี้โพรงให้ใคร แต่ผมอยากให้ ทุกคนที่อาจงง และ ไม่เข้าใจ ได้เห็น ประสบการณ์ ส่วนหนึ่งของผม ครับ … ซึ่ง ตัวหนังสือของผม อาจเปลี่ยน ชีวิตใครบางคน โดยที่เขาไม่รู้ตัว

      อย่างน้อยการเตรียมตัว ก่อน และ การที่เราเข้าใจ และ เตรียมใจพบกับสิ่งที่ต้องเจอ ผมว่าคือสิ่งสำคัญ

      อย่าคาดหวัง อะไรมากมาย กับคนอื่น กับสิ่งรอบข้าง ว่าต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ ควรเป็นอย่างโน้น
      อย่างที่ผมเคยเป็น

      เว้นเสียแต่ว่า….. เรารู้จริงว่า เราอยู่ในสถานะที่… ทำเช่นนั้นได้จริง

      ไม่ต้องห่วงครับถ้าสุขภาพแข็งแรงดี ยังไงได้ จับแน่ครับ เว้นแต่คุณจะดวงซวย(?) อดจับเพราะสมัครเต็ม

      สำหรับคนที่มีลูกหลาน ยังไงก็ ให้เฃ็คประวัติ เขาให้เรียบร้อย และ ถ้าจะให้ดี…. ฟิตร่างกายไปเลยจะดีที่สุดครับ (กรณีที่แข็งแรงอยู่แล้ว) เพราะ ผมรับประกันว่า… ร่างกายที่แข็งแรงจะเป็นประโยชน์มากในการฝึก พอๆ กับจิตใจที่ได้เตรียมตัวรับเรื่องต่างๆ ก่อนล่วงหน้า (รู้เพื่อเตรียมใจ อย่าให้มันกลายเป็นรู้เพื่อพะวง เพราะเราอาจเจอสิ่งที่หนักกว่า หรือ เบากว่า ก็ได้ครับ แต่มันจะเบากว่าถ้าเราพร้อมเจอกับมัน)

      โชคดีครับ สำหรับทุกท่าน ที่ต้องไปจับ หรือ ท่านที่ เป็นแล้ว กำลังจะไปฝึก หรือ คนที่กำลัง ฝึกอยู่ (อืมช่วงนี้คงจะเริ่มชิลแล้ว สำหรับคนที่ฝึกอยู่ หรือ อาจได้ปล่อยกลับบ้านบ้างแล้วมั้ง) สำหรับคนที่ผ่านการฝึก โดยปลอดภัย ครบสมบูรณ์ ผมยินดีด้วยครับ ขอให้อดทนใช้ชีวิตในภาคกองร้อยต่อ และ อย่าลืมความลำบากที่เคยพบในการฝึก (ถ้าเจอนะ…) เป็นรุ่นพี่ที่ดี อย่างที่เราเคยอยากได้รุ่นพี่เช่นนั้น

      และ….. กำแพงน่ะมันสูง ผมรู้นะว่าปีนกันไหว … แต่อย่าให้ถูกจับได้นะครับ ฮ่ะๆ ยังไงก็ขอให้ปลอดภัยทุกคนครับ

  17. ชีวิตก็เป็นอย่างนี้ says:

    ^_^

    เห็นพูดกันเรื่องการตรวจสุขภาพในการเกณฑ์ทหารแ้ล้ว รู้สึกน่าสนใจดี เลยขอมาเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ

    ผมว่ามันดูเหลื่อมล้ำและไม่ค่อยมีมาตรฐานเลยนะครับ ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่ามาจริงๆ

    สายตาสั้นเป็นพันกว่าๆ ต้องใส่ทั้งแว่นและคอนแทคเลนส์ซ้อนกันไว้ รวมถึงคนที่ดามขาด้วยเหล็ก

    กลับถูกจัดให้อยู่ ดี 1 ประเภท 1

    แต่ดาราชายชื่อดัง ว. รูปร่างบึกบึนสูงใหญ่ หน่วยก้านดี สูงประมาณ 180 กว่าๆ

    ถูกจัดให้อยู่ ดี 1 ประเภท 2 ไม่ต้องจับใบดำใบแดง เพราะแขนบิดเก

    ทั้งๆ ที่ จากที่ได้ดูเขาแสดงละครมาหลายๆ เรื่อง ก็ไม่เห็นว่าแขนเขาจะบิดหรือเบี้ยวมากมายตรงไหน

    ยังเห็นเขามีฉากที่ต้องอุ้มหรือแบกนางเอก(ซึ่งตัวก็ไม่ได้เบาๆ เลย)มาหลายเรื่องแล้ว ก็ดูปกติดี

    ผมขอแปะ URL ไว้อ้างอิงด้วยนะครับ เดี๋ยวบางคนจะหาว่าผมโม้

    http://star.sanook.com/gossip/gossip_14464.php

    http://gossipstar.mthai.com/gossip-content/12318

    http://www.siamdara.com/hotnews/00010292.html

    ผมจึงอยากขอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมจากคุณในประเด็นนี้หน่อยน่ะครับ

    ในฐานะที่คุณเคยเป็นทหาร(เกณฑ์)มาก่อน ว่าคิดอย่างไรกับกรณีแบบนี้บ้างครับ

    และอีกเรื่องที่อยากถามก็คือ สมมุติว่า ถ้ามีคนที่ต้องกินยาประจำวัน แล้วเกิดติดทหารเข้าไป

    จะสามารถกินยาได้ตรงเวลาทุกวันหรือเปล่าครับ

    ยังไงก็ขอขอบคุณมากๆ ครับ สำหรับประสพการณ์ดีๆ ที่มีนำมาแบ่งปันกัน ซึ่งหาอ่านที่อื่นได้ยาก

    ถ้าว่างๆ ก็จะแวะมาพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันใหม่นะครับ

    ^_^

    • nitoniwatori says:

      จริงๆ แล้วผมว่า คนที่เข้าใจผมน่าจะเข้าใจว่า ผมอยู่ในฐานะที่ ” พูด ” ได้ลำบากมากที่สุด

      ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริง ผมว่า เราควรทำใจ กับโลกแห่งความจริง

      ถ้าถามผมในฐานะ ลูกผู้ชายคนนึง ผมว่าผมก็บอกทุกคนมาตลอดว่าถ้าเลือกได้ผมคงไม่เลือกเป็นทหาร
      ส่วนที่ผมได้เป็นเพราะจับได้ใบแดง

      การที่ผมซึ่งเคยเป็นทหารมาก่อน… ถ้าผมจะออกปาก พูดในบางเรื่องต่อให้มันคือเรื่องจริง … ด้วยความเป็นอดีตทหาร มันก็ไม่เหมาะสมแล้ว

      เรื่องราวพวกนี้เป็นสิ่งที่เราๆ รู้อยู่ในใจว่ามีอะไรต่างๆ เกิดขึ้น … และ ในโลกนี้ มีอีกหลายเรื่องที่เรารู้แต่…
      เราพูด ” ไม่ได้ ” หรือ … ไม่ควรพูด เพื่อตัวเราเอง หรือ เพื่อคนที่สำคัญต่อเรา (อย่าพึ่งพูดถึงส่วนรวม ถ้า เราไม่ได้สละตัวเองเพื่อส่วนรวม เราก็คงไม่สามารถเรียกร้องให้ใครสละได้… เหมือนดั่งทหารที่… ได้ลงสู่สนามรบ เฝ้าระวังประเทศ ทหารที่ฝึกหนัก เจียนเป็นเจียนตาย บางคนเสียชีวิต บางคนพิการ เจ็บหนัก ผมว่ามันคือประสบการณ์ ที่คนนอกอาจไม่เข้าใจได้… เอาง่ายๆว่า ถ้าคุณเจอเรื่องราวบางอย่างมา คุณเล่าให้ตายก็ไม่มีใครเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง มีแต่คนหัวเราะ แหะๆ เขาไม่สนใจหรอก จนกว่า เขาเจอกับตัวเอง หรือ ” เพื่อ ผลประโยชน์ตัวเอง “)

      สิ่งที่เราต้องยอมรับ คือ โลกนี้ ทุกสิ่งไม่ได้ยุติธรรม เว้นเสียแต่ว่าเราเข้าใจ ธรรมชาติ ของสิ่งที่เกิดขึ้น…
      เว้นเสียแต่ว่า เรามี ” อำนาจ ” มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

      แม้ผมจะผ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการเป็นทหารมานานแล้วก็ตาม มันก็ไม่ได้หมายถึงมันคือเรื่องง่ายสำหรับผม ที่จะคิดถึงเรื่องพวกนี้ ” เหมือนคนที่ไม่เคยผ่าน ”

      โลกในอุดมคติ กับ โลกแห่งความจริง นั้นมันแตกต่างครับ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องทหาร
      เรื่องการงาน … เรื่องธุรกิจ เรื่องสังคม … คุณเชื่อผมไหม ?? ถ้าคุณมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นดีดี คุณก็จะเห็น
      สิ่งที่ไม่ควรจะเป็น สิ่งที่ไม่ได้เป็นสิ่งที่ควรเกิด … เพราะอะไรงั้นเหรอ ???

      ” ความเป็นไปได้ ” และ พฤติกรรม พื้นฐาน ของการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิต เรียกง่ายๆว่า
      กิเลส ตัญหา ความอยาก เบื้องต้นนั่นเอง…

      บางครั้ง เราก็เอาความ กลัว ความอยากของตัวเราเอง และ หาข้ออ้างให้กับมันทำให้เราเหมือน
      เป็นฝ่ายถูก ผมว่ามันก็ไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่…

      จนถึงวันนี้ ผมยังติดต่อ เพื่อนๆ ทหาร หมู่ จ่า บางท่าน … เพราะอะไร ?
      ไม่ใช่เพราะการฝึกแสนโหด ไม่ใช่เพราะ ประสบการณ์ ไม่ดี… แน่นอน…

      มันก็คล้าย เวลาเราขับรถ ขับมอเตอร์ไซค์ เจอ ตำรวจจับ… เขายื่นใบสั่งให้ไปจ่าย 400 ที่ โรงพัก
      เราบอก ” ช่วยหน่อยครับ ” พร้อมยื่นเงินให้เขา ร้อยนึง ??

      ผมแชร์ประสบการณ์… เป้าหมายหลักของผมจริงๆ คือ

      ” การเตรียมตัว ” เพื่อพร้อมที่จะ เป็นทหาร … ถ้าโชคเราต้องเป็น

      ผมเคยรู้สึกว่า มันไม่แฟร์… มันไม่ยุติธรรม … กับ การที่ ภราดร มาใส่เสื้อลายพราง เชิญให้คนมาสมัครเป็นทหาร ยืนชูแขนสองข้าง ทำเท่ห์ ในโปสเตอร์… โดยที่ตัวเขา ไม่ได้ผ่านอะไรอย่างที่ผมผ่านเลย… จริงครับ ถูกครับ เขานำชื่อเสียงเข้าสู่ประเทศไทย ได้ หลายเท่ากว่าผมยิ่งนัก….

      แล้วผม กับเขา เป็นคนเหมือนกันไหม ???. แต่ถ้าคิดดีดี.. คำตอบก็อยู่ในใจเรา

      นั่นคือ ” ความจริง ”

      ผมโชคดี(แม้ในใจผมจะรู้สึกเศร้ากับสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้น อย่าถามผมว่า ผมรู้สึกแย่ หรือ รู้สึกดีมากกว่า เพราะคุณจะ ” ไม่มีวันเข้าใจผมได้ ” หากคุณไม่ใช่ผม… เชื่อผมเหอะ คุณไม่เข้าใจคนตาบอดยกเว้นแต่ว่าคุณจะตาบอด)

      ที่ไม่ตาย ที่ได้ปลด ที่ได้เรียนรู้บางสิ่ง ที่ได้เห็นบางอย่างที่สอนตัวผม ….

      ” ทุกๆ คนทำทุกสิ่ง ด้วยเหตุผล และ เหตุผลส่วนใหญ่ ของทุกคน คือ เพื่อตัวเอง หรือ ไม่ก็ เพื่อคนที่ตนรัก ”

      นั่นคือเหตุผลที่ผมใช้ตอบทุกคำถามที่ผมมี…. ผมไม่ได้ปลงได้หรอก… แต่ผมว่าผมเข้าใจ

      เพราะถ้าผมเป็นเขา ผมอาจจะทำอย่างพวกเขาก็ได้ ???

      พูดตรงๆว่า ถ้าผมรู้ว่า ผมจะเสียหู เสียงาน และ ต้องกลับมาฝึกกีต้าร์ใหม่ (แน่นอนว่าทั้งๆที่หูเสีย) สิ่งเป็นสิ่งที่ผมรักสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวชีวิตผมไว้ ลองลงมาจากพ่อ … ผมก็อาจหนีทหารก็ได้ครับ

      ในเมื่อผมคิดแบบนี้ ผมก็คงว่าเขาไม่ได้เต็มปาก เพราะวันนี้ผมคิด เนื่องจาก ” ผมสูญเสียไปแล้ว ” แต่วันก่อนๆ ที่ผมยังไม่สูญเสีย ผมรู้สึกแต่ในใจ จากความรู้สึกไม่เท่าเทียม ก็ เรียกร้องหาความเท่าเทียม หรือ รู้สึกว่า ทำไม ต้องเป็นเรา ?

      หลายคนติดยา งอมแงม ผอม เหลือ กระดูก ไม่ต้องเป็นทหาร…. แล้วพวกเขาทำอะไร ???

      หลายคนที่ไม่ได้เป็นทหารแต่ตั้งแก็งค์ไล่ตี ชาวบ้าน ที่ไม่รู้จัก … เขาทำอะไร ???

      ชีวิตผมที่เป็นทหาร คือส่วนนึงที่ มอบให้ประเทศ …. มอบให้คนเหล่านั้น ได้อยู่สงบ ?

      ตอนผมปลดทหารมาใหม่ๆ ผมเห็น เด็ก แว๊นซ์ ขี่มอไซค์ เสียงดัง ตั้ง แก็งค์ ไล่ตีกัน
      ตั้งวงกินเหล้า พอเมาๆ ก็ รุมกระทืบคนที่เดินผ่านไปมา… ผมรู้สึก อยากให้คนพวกนี้ ได้ลองไปเป็นทหาร
      เผื่อเขาจะมองเห็นอะไรบ้าง…

      ผมแนะนำ ทุกๆ บ้าน ที่มีลูก มีญาติ ที่ไม่ยอมอยู่บ้าน ไม่รักพ่อแม่ ด่าทอพ่อแม่ ผมบอกตลอดว่า
      ส่งไปเป็นทหารเลย… แต่ก็ให้ทำใจไว้หน่อย… แต่ยังไงต้องไปเยี่ยมเขาให้ได้ …

      ผมบอกได้เลยถ้าเขาไปตกที่หนักๆ … เสือ ก็ เสือ เหอะ… คนเราถ้าลองได้เฉียดตาย หรือ เจออะไรที่มันหนักจริงๆ … เขาจะคิดถึง บ้าน คิดถึงครอบครัวเอง

      คดีที่มีการเสียชีวิตหรือพิการ ของ ทหารเกณฑ์ ในการฝึกก็ดี ในภาคกองร้อย ก็ดี…. ผมเคยได้ยินการฟ้องร้องกัน …. แต่ผมไม่เคยได้ยินเลยว่า…. มีคดีไหนชนะ

      และเชื่อผมเถอะว่าต่อให้ชนะ…. ก็คงไม่สบายใจ…

      บางสิ่งเราก็ต้องยอมรับ ในช่วงเวลาที่เรายังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
      ทำหน้าที่ ” ของเรา ” ให้ดี อย่า ผลักดันให้คนอื่น ” ทำอะไร ”
      ที่เราเอง ” ก็ไม่กล้าพอที่จะทำ ”

      อย่าคาดหวัง คนอื่น ให้มากกว่า ที่ ” คาดหวังจากตัวเอง ”

      ผมขอให้เพื่อนๆ ไม่ว่า คนที่รอดพ้น จากการเป็นทหาร
      หรือ พี่ๆ น้องๆ ที่ได้มาร่วมเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง กัน… ได้มีความสุข ได้ภูมิใจ ในหน้าที่ที่เราได้ทำ
      หรือ ภูมิใจใน สิ่งดีดีที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา ในแง่ดีดี ของมัน

      โอเคนะครับ ผมตอนนี้ ไม่ได้รับราชการทหารแล้ว… ผมเป็นนักดนตรี เป็น IS Engineer เป็นแค่ อดีต พลทหาร … เหมือนกับ อีกหลายๆ คน…

      ถ้าอยากเปลี่ยน สิ่งที่เรารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม…

      ” คุณก็ต้อง ก้าวไปให้ถึง จุดที่คุณ คิดว่าสามารถ เปลี่ยนสิ่งนั้นให้ยุติธรรมได้ “

  18. พลัด 2/54 รุ่น เทวดา says:

    ผมกะโดน พลัด 2 ตอนนี้ ยัง อยู่ที่ ร.21 อยู่่เลยจ้า ที่ชล โคตรเหนื่อย ตามที่ เขาโพส เป๊ะ !!!!!!!!!!!

    • nitoniwatori says:

      สู้ๆ ครับน้อง ผลัด 2 เหมือนกัน ฮ่ะๆ ตก ราบ เหนื่อยนี่ไม่แปลก ฮ่ะๆๆๆ ตัวดำแน่หายห่วง
      ที่ชล น่าจะกว้างพอตัว คงขี่ค๊อปเตอร์ ตัดหญ้า เพลินแหง ฮ่ะๆๆๆ ยังไงก็ดูแลตัวเองดีดีเน่อ

      สู้ๆครับ เอาใจช่วย แล้ว ถ้าปลดเมื่อไหร่ อย่าลืมความลำบากที่เคยผ่าน และก็พยายามติดต่อ
      เพื่อนที่ดีดี เอาไว้ครับ เพื่อนที่ เจอ หนักๆ มาด้วยกัน ในชีวิตจริงมันหายาก

  19. คนจริงใจ says:

    ขอมาปรึกษาพูดคุยด้วยคนนะครับ

    พอดีญาติผมกำลังจะไปจับทหารอยู่เมษายนนี้

    อยากทราบว่า ตอนที่ไปจับน่ะครับ เขามีหน่วยรับฝากข้าวของสิ่งของไหมครับ พวกเอกสารอะไรพวกนี้

    กลัวว่าพอไปถึงเวลาตรวจร่างกายแล้วเอาของวาง(ไว้)บนพื้น แล้วของจะหายน่ะครับ เพราะคนน่าจะเยอะอยู่

    ว่าจะไปเตือนเขาอยู่ว่าตอนไปจับ อย่าเอาอะไรติดตัวไปเยอะ เดี๋ยวของจะหาย

    แล้วอีกอย่างที่อยากทราบ ก็คือตอนที่คุณไปฝึกอยู่ในค่ายนั้น

    เคยมีซักเสี้ยวนึง หรือแวบนึงในใจไหมครับ ที่คุณรู้สึกโกรธหรือไม่พอใจผู้ฝึก(ในค่าย)น่ะครับ

    แล้วคุณหรือคนอื่นๆ ในค่าย เคยมีใครที่(อยาก)ต่อย(หรือเตะ)ผู้ฝึก หรือคิดที่จะทำแบบนั้นบ้างไหมครับในค่าย

    เพราะเท่าที่ฟังจากคนที่เคยเป็นทหาร(เกณฑ์)มา ล้วนแต่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากเตะผู้ฝึกมากๆ (แต่ก็ไม่ได้ทำ) อาจจะเป็นเพราะด้วยความกลัว

    คืนนี้ขอถามแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ กำลังจะไปนอนอยู่พอดี

    ราตรีสวัสดิ์ครับ

    ไว้ว่างๆ จะกลับมาพูดคุยด้วยอีกครับ

    ^^^^^^^^^^^^^^^

    • nitoniwatori says:

      ขอโทษด้วยนะครับ ตอบช้าไปบ้าง เพราะผม ทำงานไม่ค่อยได้ว่างทำอะไรอย่างอื่นเท่าไหร่

      ตอนไปจับ ไม่มีที่ฝากของครับ จับตามสถานที่ๆ เขาจัด อาจเป็นวัด เป็นโรงเรียน เป็นอะไรอื่นๆ…
      วันที่ไปจับ ถ้ามีเพื่อนไปก็ดีครับ ไม่งั้นก็ไม่ต้องมีของอะไรไปมาก ตอนผมจับ ก็มีแค่หลักฐานกับเงินแล้วก็มือถือ

      ตอนฝึก จิตนาการนะครับ ขนาด ชีวิตมนุษย์ ทำงาน เจอเจ้านายด่า (ย้ำว่าแค่ด่า) ยังหงุดหงิดอยากตีหัว
      เจ้านายเลย (กรณีที่เราไม่ได้ผิด) ฉนั้น คำตอบน่าจะพอเดานะครับ ??

      เรื่องแบบนี้ส่วนมากไม่ถามกันในหมู่เพื่อนครับ … มันเป็นความรู้สึกส่วนตัว ทุกคนผ่านความลำบากทั้งร่างกาย
      จิตใจ ความโมโห ความเหนื่อย ความท้อ มันเป็นของคู่กันที่ต้องมีบ้างไม่มากก็น้อย

      แต่มองอีกมุมนะครับ มุมของคนฝึก มีคนน้อยกว่า แต่ต้องคุม ทหาร ที่ร้อยพ่อพันแม่ .. บ้างมาจากคุกสารพัดคดีตั้งแต่ขโมยขโจรติดยาค้ายายันข่มขื่นปล้นจี้ทำร้ายร่างกาย บ้างก็แก่รุ่น 28-29 บ้างก็ เป็นนักเลง คุมหมู่บ้าน คุมซอย บ้างเป็นหัวหน้าแก็งค์ เด็กแว๊น บางคนก็แค่เด็กเนิร์ดธรรมดา เด็กเรียน เด็กเที่ยว เด็กติดยาทั่วไป หรือ แม้แต่เด็กไม่มีบ้าน ….

      คนมากมาย หลายแบบ แต่ต้องคุมให้อยู่ สั่งให้ เหนื่อย ต้องยอมทำ … ทหารน่ะ… ” สั่งให้ไปตาย ” ก็ต้องไปครับ (ฟังดูโง่และบ้า แต่ลองคิดถึงเรื่องจริง วันนึง เกิดรบกัน ทหาร ไม่ได้มีไว้เพื่อหนีทหาร มีไว้รบ แม้ชีวิตใครใครก็รักแต่ คำสั่ง ถือเป็นสิ่งสูงสุดที่ต้องปฏิบัติ อย่างไม่มีคำถาม… ) ผมพิมพ์แบบนี้ดู เหมือนพวกไร้ความรู้สึก… แต่ถ้าใครรู้จักผม
      จะรู้เลยว่า ผมนี่ตัวปากตรง จนทำให้ตัวเองลำบากหลายครั้งในชีวิตทหาร ….

      การที่ใครจะคุมคนร้ายๆ ให้ถอดเขี้ยวเล็บ วางมันไว้หน้า กองพัน หน้า หน่วยฝึก ให้เขายอมปฏิบัติตามคำสั่ง
      ที่ทำให้ตัวเขาเหนื่อย ทำให้ตัวเขาเจ็บ และลำบาก .. อย่างเต็มที่ตั้งใจ…

      คิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ ??? ไม่หรอกครับ… นั่นจึงเป็นที่มาว่า ทำไม ผมถึง ต้องมองทั้งสองฝั่ง และ พยายามเข้าใจ ( ที่ผมพูดว่าพยายาม เพราะ ผมก็มีคนบางคนที่ผมรู้สึกว่า ถ้าเจอกัน…. อีกสักครั้ง… ผมคงต้องทำอะไรบางอย่างครับ… เพื่อตอบแทนสิ่งที่เขาทำ )

      คนมากมาย มีทั้งคนที่ดี และ คนที่ไม่ดี ขึ้นอยู่กับว่าเราจะพบ จะเจอใคร … จะเข้าตาใคร

      ที่ผมบอก ในข้อความผมเสมอ สำหรับข้อปฏิบัติ ตัวที่ดีในการเป็นทหาร ในการเข้าร่วมการฝึก
      คือทำตัวให้ อยู่กลางๆ ไม่เด่น ไม่ด้อย … เขาทำอะไร เราก็ทำตามเขา…

      จะทำให้เราไม่โดนหนักไปกว่าใครครับ…

      ขอโทษด้วยถ้าข้อความผมมันดู กวน หรือวกวน แต่ ผมอยากให้ลองทำความเข้าใจครับ จะได้แนะนำหลาน-ญาติ ได้ถูก … หรือ ไม่ ก็ ให้เขามาอ่านเอง จะได้เข้าใจครับ

  20. ว่าที่ทหารใหม่ says:

    พี่ครับ ทหารอากาศฝึกหนักไหม แล้วคือว่าวิธีการฝึกของทหารอากาศเป็นอย่างไรบ่างครับ ผมอยากจะสมัครเข้า ทบ. อะครับ เพราะร่างกายผมไม่ค่อย100% สักเท่าไหร่ ผมกำลังจะจบกศน. ม.ปลาย แล้วถ้าสมัครเข้า ทบ. จะต้องรับราชการ 1 ปีใช่ไหมครับ แล้วจะสมัครเข้าหน่วยไหนถึงจะ เซฟตัวเรา มากที่สุดครับ ช่วยตอบด่วนเลยนะครับ 4 เมษายน นี้จะต้องไปสมัครแล้ว ขอบพระคุณครับ

    • nitoniwatori says:

      ขอลัดคิวตอบคุณ ว่าที่ทหารใหม่ ก่อนนะครับ

      ผมไม่ได้รู้การฝึกของ ” ทุกหน่วย ” และ ผมบอกได้เลยว่า หนักไม่หนัก นั้นขึ้นอยู่กับหลายอย่าง
      (ซึ่งแม้แต่คำว่า หนัก เองก็มีหลายแบบเช่นเดียวกัน) ไม่ว่าจะเป็นหน่วย สถานที่ สถานะการณ์
      ในปัจจุบัน รวมถึง คนทั้งหมดที่ร่วมฝึก ไม่ว่าจากใกล้ตัวคือ บัดดี้ เพื่อนร่วมหมวด ผช.ครูฝึก ครูฝึก ผช.ผู้ฝึก ผู้ฝึก

      ผมเองตอนจับ ผมก็คิด อยากไป ทอ. ครับ… ซึ่งถ้าถามผมว่าถ้าผมต้องสมัคร ผมจะเอาอะไร คงเป็น ทอ. ไม่ก็ ทบ. นั่นแหละครับ … คงมีคำถามว่า ทำไม ไม่เอา ทร. ?

      ผมมีเพื่อนเป็น ทร. ครับ ตอนฝึก ผมคิดว่ามันดวงดีกว่าผม คือ มันบอก ของมันใช้เงินได้ มีเวลาพัก ดูดบุหรี่ได้
      แต่ใจผมก็คิดว่ามันโกหก มากกว่า ส่วนกองร้อย มันก็ได้ไปอยู่สายงาน สบายอ้วนพลี ไม่มีหญ้าให้ตัด

      แต่ที่ผมไม่เลือก เพราะ ผมคิดว่า ทร. ต้องอยู่กับน้ำ ซึ่งผมไม่ชอบน้ำ … แล้วถ้าเกิดฟลุ๊ค ไปตกหน่วยหนักๆ ..
      ก็ชิบหายเลยครับพี่น้อง… (ผมไม่ฟิตขนาดที่กล้าบอกว่า หนักแค่ไหนไม่หวั่น…)

      ส่วน ทอ. ที่ผมอยากเลือก ก็ไม่ใช่ว่า ผมคิดว่ามันเบา แต่มันเป็นความชอบส่วนตัว ผมว่า ทอ. มีทหารน้อยกว่าส่วนอื่น เอาง่ายๆ อย่างตอนปีผมสมัคร เอา 100 จาก 300 คน… ใน 100 คน มี ทอ. แค่ 3 ใบ ….

      ตอนนั้นผมคิดว่า ถ้าต้องสมัคร ก็คง ทอ.

      แทนที่จะกังวล เรื่อง เจอ หน่วย ผมคิดว่า
      เตรียมร่างกาย กับ จิตใจ ให้พร้อมดีกว่า โดยเฉพาะร่างกาย… เตรียมยา โรคประจำตัวให้พร้อม

      ชีวิตทหาร เหมือนการเข้าค่ายครั้งใหญ่… ใหญ่มาก จะให้ผมพูดว่ากองร้อยเหมือนบ้านอีกหลัง
      มันก็ไม่ถึงขนาดบ้าน เพราะ เราอยู่ในกฏอยู่ในระเบียบตลอดเวลา อยู่ภายใต้คำสั่งพร้อมปฏิบัติ
      ตลอด 24 ชั่วโมง นกหวีด ดังกลางดึก ต่อให้กำลังนอนง่วงแค่ไหน เราก็ต้องตื่น
      ผมว่ามันคือมาตราฐาน สำหรับชีวิตทหาร … ชีวิตทหาร มีเพียงคำว่า ” ครับ ” ไม่มีคำว่า ” ไม่ได้ ”
      ไม่มีคำว่า ” แต่ว่า ” …. ไม่มีคำว่า ” ทำไม ” … ไม่มีคำถาม สำหรับคำสั่ง…. แม้ในใจคุณอยากตะโกน
      ดังๆ ถึงเหตุผล ต่างๆ นาๆ หรือ อยากจะสบัดหน้าหนี … คุณ ก็ไม่ควรที่จะทำ… เพราะมันอาจทำให้
      คนที่ลำบากอาจเป็นคุณ… ดังนั้นผมถึงบอกว่า เตรียมร่างกาย และ จิตใจให้พร้อม จะดีกว่า

      แต่ถ้ากังวลมาก ผมแนะนำให้ ” ติดต่อ ” ญาติ ที่เป็นทหาร ยศ สูงพอตัว เขาอาจให้คำแนะนำ อะไรได้บ้าง

      ถ้าจบ ม.ปลาย สมัคร จะเหลือ 1 ปี แต่ถ้าหลักฐาน ไม่พร้อมยืนล่ะก็… ต่อให้สมัคร ก็ ได้ 2 ปี นะครับ
      ผมมีเพื่่อนคนนึงในกองร้อย… จบ ป.ตรี จุฬา … แต่ วุฒิ ดันออกไม่ทัน … แล้วเขาไปจับโดนใบแดง
      แทนจะได้เป็น 1ปี (สำหรับคนจบ ป.ตรี) แต่ได้เป็น 2ปี ครับ…. แต่ก็ยังโชคดีที่ได้ปลดออกมาพร้อมกัน

      เอาใจช่วยครับ ถ้ายังไง เป็นแล้วว่างๆ มีโอกาศ ก็มาคุยเล่นได้ครับ เล่า ความมันส์ ความฮา ได้
      ทหารมันหนักครับ แต่เชื่อผมเหอะ คุณจะอยู่ได้ เพราะเพื่อนๆ ดีดี และ พวก ตัวฮา ที่ทำให้คุณ
      ยิ้มได้บ้าง ในเวลาที่แสนเหนื่อยแสนหิว

  21. ผ่านมา says:

    อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกแย่กับระบบทหาร(เกณฑ์)มากเลยครับ

    http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11752584/A11752584.html

    เป็นทหาร(เกณฑ์)แล้วเขาปฏิบัติเหมือนกับเราเป็นสัตว์เลยหรือเปล่าครับ?

    อยากทราบว่าหน่วยที่คุณฝึกเคยมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นบ้างไหมครับ?

    เห็นเขาว่าจำหน่ายตายได้ 5% น่ะครับ

    แถมรู้สึกว่าสัตว์(ในร่างมนุษย์)บางตัวที่ทำเรื่องประเภทนี้ทำนองนี้ไว้ จะยังได้รับโทษที่ค่อนข้างเบาอยู่นะครับ

    อยากทราบว่าคุณมีความคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้บ้างครับ รวมถึงรู้สึกอย่างไรต่อกรณีที่เกิดขึ้น

    ยังไงก็รบกวนช่วยเข้ามาตอบแบ่งปันประสบการณ์ความคิดเห็นต่างๆ ให้หน่อยนะครับ

    ขอขอบคุณสำหรับประสบการ์ณดีๆ ที่นำมาแบ่งปันครับ

    • nitoniwatori says:

      มันพูดยากครับ กรณี แบบนี้… เอาเป็นว่าผมไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด แล้วผมก็ออกตัวมาตลอดว่า ตัวผมก็เป็นทหาร และ ถ้าใครถามผมว่า อยากเป็นทหารไหม ผมไม่ได้อยากเป็น แต่ผมก็ภูมิใจที่ผ่านมาได้อย่างทุลักทุเล

      ฝึกทหาร ไม่ได้ฝึกลูกเสือ ทหาร มีไว้รบ ” มีไว้ตาย ” (แน่นอน เราไม่ได้อยากให้เขาตาย ที่สนามฝึก…)

      ผมคิดว่ามันเกิดได้จากปัจจัยหลายๆ ส่วนด้วยกัน (ไม่ใช่ข้ออ้างนะครับ)
      เอาเป็นว่า มีเรื่องมากมาย ที่ผมไม่สามารถและ/ไม่ควร
      พิมพ์กล่าวในที่สาถารณะชน (แน่นอนว่าเพื่อตัวผมเอง) และ … อืม คนดีดี ที่ผมให้ความเคารพ ด้วย

      คนดีก็มีคนไม่ดีก็มี และ พอเป็นคน ทุกคนก็มีขีดจำกัด ของความเป็นมนุษย์…
      ไม่ว่า พลทหาร ที่เข้ารับการฝึก หรือ ครูฝึก ผช.ครูฝึก ทุกคนที่รวมอยู่ในการฝึก ต่างเหน็ดเหนื่อยครับ
      อาจไม่เท่ากัน อาจเหนื่อยในแบบที่ ” พลทหาร ” ไม่สามารถรับรู้ (นั่นคือเรื่องหลังฉาก ที่ส่วนมาก
      เราจะไม่ได้บอกให้พลทหารทราบ) ฉนั้น… ทุกอย่างล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการฝึก

      แต่ถ้ามีคนถามใจผม ผมอยากเห็น เพื่อนตาย ไหม อยากเห็นรุ่นน้อง รุ่นพี่ตายไหม ในสนามฝึก
      ผมไม่อยากหรอก แต่บางครั้ง เราก็ต้องเป็นธรรม กับ คนฝึกบ้าง …. เรียกว่า เราไม่สามารถเข้าใจ
      พวกเขา ถ้าเราไม่ใช่เขา ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ” ว่าเพราะอะไร ” ทำไมเขาต้องทำถึงขั้นนั้น

      ไม่อย่างนั้นเขาจะควบคุมคนที่เหลือยังไง ??
      คนที่ต้องให้จบการฝึกไปและ ฟังคำสั่ง ไม่ใช่ปีนเกลียว ผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่ ฝึกมาเพื่อหนีทหาร
      ไม่ใช่ฝึกมาเป็นทหารไร้วินัย ไม่ใช่ฝึกมาเป็นทหารอ่อนปวกเปียก รบจริงไม่ได้ สั่งไปไม่ยอมไป

      สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ คือการเปรียบเทียบ ซึ่งในใจผมก็เกิดเหมือนกันว่าทำไม ผมต้องมาเสียหูทั้งๆ ที่ผมเป็นนักดนตรี
      แต่สิ่งที่ตอบผมคือ การเสียชีวิตของทหาร อีกมากมาย ทั้งในตอนฝึก ไม่ว่าหน่วยผม หรือ หน่วยอื่น หรือ ในภารกิจที่ต่างๆ

      ผมเคยเห็นครับ พ่อแม่ที่ ร้องไห้ต่อหน้าศพ ลูก เคยเห็นสภาพเพื่อนๆ ร่วมรุ่น ที่ร่วมกัน เจียดเงินเดือน เพื่อเป็นค่าทำศพ
      ไม่ใช่ผมไม่รู้สึกอะไร ไม่ใช่ไม่เสียใจ แต่บางเรื่องก็ต้องยอมรับและเข้าใจ

      ผมถึงบอกเสมอว่า การเป็นทหาร ให้เตรียมร่างกาย และ เตรียมจิตใจ… ทำในสิ่งที่คนอื่นเขาทำ อย่าออกนอกลู่นอกทาง … เพราะ ผมก็ไม่อยากให้เหตุการณ์ แบบนี้เกิด ส่วนคนที่ฝึก เขาก็คนครับเราอาจไม่เข้าใจเขาเพราะ
      เราไม่ใช่เขา …

      ถ้าเอาพวกนอกแถวไม่อยู่ พวกในแถวก็จะออกมาเป็นพวกนอกแถว แล้วทหารถ้าคุมไม่ได้ก็ไม่ใช่ทหารเหมือนกัน

      ที่ผมพิมพ์แบบนี้ ไม่ใช่ว่าเพราะผมไม่เคยเจออะไรแบบนั้น แต่เพราะ ผมเจอ และผ่านมา ทั้งในมุมของคนที่
      เข้ารับการฝึก และ มุมของคนที่เฝ้าดูการฝึก ในฐานะ ทหารรุ่นพี่

      ผมคิดว่า สมัยนี้ยังดีกว่า ยุคที่รบกันเยอะ และ… หน่วยฝึก ที่ฝึกเข้มข้นน้อยกว่านี้ มีเยอะครับ แล้วแต่โชคชะตา
      หรือ… บุญ บารมี ว่าจะไปตกหน่วยไหนเหมาะสมกับร่างกาย จิตใจ เราแค่ไหน

      การทราบข้อมูลก่อน เป็นสิ่งที่ดี ถ้ารู้ว่า ” หนี ” เจอหนัก ก็ ทนให้ได้ครับ.. จะแตก จะเย็บ จะหูเสีย จะขาหัก ก็ยังดีกว่าตาย…

      หรือใครที่คิดว่า จะเปลี่ยนทุกอย่าง และ สามารถ หาระบบ ที่ตอบโจทย์ ที่สามารถควบคุมคนจากร้อยพ่อพันแม่ ที่มีจำนวนเป็นร้อย เป็นพัน ให้ปฏิบัติตาม คำสั่งที่เหนื่อย ที่ทรมาณในการฝึก ได้ ก็ลองเสนอด้วยตัวเองดูครับ

      สิ่งที่เป็นภาพ อุดมคติ กับ ความจริง มักเดินสวนทางกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
      เมื่อประเทศชาติ พบภัย วิบัติ เกิดสงคราม… คนที่จะเป็นหน่วยหน้าเสี่ยงภัย เพื่อให้คนอื่นได้หลับสบาย
      ก็ยังคงเป็นทหาร อยู่ดีครับ…

      สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นทหาร ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้สามารถเข้าใจของความรู้สึกผมได้เหมือนกัน
      ที่มัน มีทั้ง เข้าใจ ยอมรับ และ ไม่ยอมรับ … เวลาหลายปีที่ผ่านไป… ยังคงเป็นความคิดเบาๆ ว่า

      ครั้งหนึ่งในชีวิต… ผมเคยเป็นทหาร…

  22. RTMC says:

    อยากถามครับ

    แล้วถ้าถูกเกณฑ์เข้าไป จะได้ไปฝึกรวมกับน้องๆปนๆกันไปกับรุ่นเราเองหรือรุ่นพี่หรือเปล่าครับ ? หรือว่าเขาจะแยก ?

    ผมจะสมัคร และคิดว่าผมพร้อม เพราะตอนเรียนอยู่อเมริกาเคยเจอพี่คนไทยที่ได้สัญชาติอเมริกันเป็นทหารอยู่ ก็เคยไปฝึกกับเขา ยังไงก็จะรอคำตอบครับ

    • nitoniwatori says:

      ผมไม่ค่อยแน่ใจในคำถามนะครับ… แต่ถ้าหมายถึง อายุ เขาจะไม่นับครับ

      ผมมีรุ่นน้อง (รุ่นน้องในรุ่นทหาร แต่เขาอายุสูงกว่าผม ตอนนั้นผม 22 เขา 29) ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ ก็จะฝึกพร้อมกับ คนที่เข้ามาเป็นทหารพร้อมกันครับ… ฉนั้น ถ้าเราอายุมาก กว่าเกณฑ์ เยอะ เช่น 29-30 แล้ว มาเป็นทหารร่วมกับ รุ่นเดียวกันที่อายุ 20 หรือ 18 (พวกสมัครมา ผมไม่แน่ใจว่า สมัยนี้ยัง สมัครเป็นตอน 18 ได้รึเปล่า แต่สมัยก่อน นั้น จับตอน 18 และ ก็มี เปิดรับสมัคร อายุ 18 เข้าเป็นครับ ขอโทษด้วยที่คอนเฟิมไม่ได้ข้อนี้)

      ก็ฝึกด้วยกัน และ ให้ความเคารพ โดยถือรุ่นเป็นหลักครับ…

      หมู่ บางคน ที่ เข้ามาหลังทหาร ก็ มองพลทหาร เป็นรุ่นพี่ หรือ รุ่นเพื่อน ก็มี ( คือ จะ ไม่แดก กันมั่วๆซั่วๆ ไม่บ้าอำนาจ เพราะมองว่า พลทหาร ที่มาก่อน ก็เปรียบเหมือนรุ่นพี่ แต่แน่นอนครับ ผิดมา เขาก็ต้อง ซ่อมตามหน้าที่ และ พลทหาร ก็ สั่ง ซ่อมหมู่ ไม่ได้แน่ ฮ่ะๆๆๆๆ ยกเว้นแต่ หมู่ บางคนที่อาจบ้าอำนาจ มาก แต่บางหน่วยก็จบไม่สวยครับ วันปลด ตามหาตัวกันจ้าระหวั่น… ผมว่า อะไรที่มันเกินไปแบบไร้เหตุผล คนมันก็ไม่ชอบทั้งนั้น เรียกว่า ผูกใจเจ็บ)

      สำหรับคุณ RTMC ถ้าใจพร้อม ร่างกายพร้อม ผมว่า มันก็ท้าทายดีครับ มีคนหลายคน ที่ ตั้งใจสมัคร เข้ามา ลิ้มรส ชีวิตทหาร… ส่วนมากชอบชีวิตท้าทาย หรือ อยากรู้ว่า การอยู่ในระเบียบ ในวินัย ในกรอบภายใต้คำสั่งเป็นยังไงเข้ามาฝึกความอดทน ทั้งกายทั้งใจ ถึงอาจจะเป็นเวลาอันสั้นสำหรับบางคน ที่ สมัครมาเป็น 6 เดือน (สั้นมาก สำหรับช่วงเวลาอยู่กองร้อย) แต่ผมเชื่อว่า คนที่ไปตกหน่วยโหดๆ ช่วงฝึก ก็ไม่แตกต่างครับ… เร้าใจเหมือนกัน

      บางคนเตรียมฟิตร่างกายมาดี … เรียกว่า จากเดิมว่า ตันแล้ว ตอนออกไป ยิ่งกว่าตันครับ… กล้ามเป็นเม็ดๆ
      แต่เรื่องนึงที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ สำหรับ หน่วยที่ฝึกหนัก … คือ… ดำ/ผอม … ไม่มีการสำอางค์ นะครับในช่วงฝึก ใครติด ต้องใช้ ครีม ทาหน้ายี้ห้อนั้น นี้โน้น.. เตรียมตัวเจอ สบู่ นกแห้ว/ สบู่ ซักซ์ … เอาจริงๆ บางทีเวลาจะถู หรือ น้ำจะล้าง ยังไม่พอเลยครับฮ่ะๆๆๆ

      ส่วน พอเราฝึกจบ เป็น ทหารใหม่ ขึ้นกองร้อยสมบูรณ์ แบบ.. พอ จะเริ่มฝึกผลัดต่อไป … บางครั้ง อาจมีการรับสมัคร ไปลงฝึก เป็น ผช.ครูฝึก …

      ถ้าฝึกร่วมกับหน่วยอื่น… แนะนำว่า พยายาม หา รุ่นพี่ ที่อยู่กองร้อยเดียวกับเรา (ผช.ครูฝึก) จำพวกเขาให้ได้ ส่วนเพื่อนร่วมกองร้อย ไม่ต้องซีเรียสมากครับ แต่ถ้าสนิทได้ก็ดี ( กรณี อยู่หมวดเดียวกัน ) ส่วน บัดดี้ ก็เลี่ยงอย่าทะเลาะกัน เป็นดีที่สุด เพราะ เกิด มันงอน ตอนกลางคืน หน่วยโหดๆ เขาไม่ปล่อยให้เราไปไหนคนเดียวแน่ครับ … เกิดปวดหนัก มากจริงๆ บัดดี้มันอาจไม่ยอมไป ก็ได้ครับ (ถ้าไปคนเดียว อาจไม่ได้ไปห้องน้ำแน่ๆ อาจได้เหนื่อย สองเท่าแทน หรือ เหนื่อยแล้วไม่วายโดนอดนอนเข้าเวร นั่งตบยุงเป็นเพื่อน ครูเวร ไป… อาจหนัก ขนาด บัดดี้เจอ ปลุกมาซ่อมคู่ … อย่างที่ผมเคยเกริ่น… การจะไปเข้าห้องน้ำดึกๆ ต้องรู้ด้วยว่า ครูเวร หรือ ผช.ครู ที่เข้าเวร นั้น นิสัยใจคอ เป็นยังไง… ไม่งั้นต่อให้ลากคอบัดดี้มาได้ ก็อาจไม่ได้เข้าห้องน้ำ… สุดท้าย เหนื่อยทั้งคู่อยู่ดี… หรือ อาจเหนื่อยมากถึงจะได้เข้า… อาจจะได้ยินคำว่า ” เหงื่อ หนึ่งแก้ว “)

      เอาเป็นว่า ถ้า ร่างกายพร้อมใจพร้อม … ผมก็อวยพร ขอให้ เจอหน่วยที่ดีในแบบที่คุณต้องการครับ และ เจอ เพื่อนที่ดีดี รวมถึงไม่ประสบเรื่องไม่ดี…

      แต่เรื่องนึง ผมขอนะครับ… บางครั้ง การตั้งใจเป็นสิ่งที่ดี ในการฝึก แต่ เชื่อผม อย่าลืมคำนวณการเซฟตัวเองไว้บ้าง เพราะ ถ้าหากเราทำบางอย่าง แล้ว เกิดผิดพลาด บาดเจ็บขั้นร้ายแรง อาจไม่คุ้มความกล้า ความซื่อสัตย์ที่เราลงไป เพราะ น้อยคนครับที่จะมองเห็น ความตั้งใจหรือความซื่อสัตย์ ที่เรามี (ผมไม่ได้สอนให้ใครโกงหรือหลอกนะครับ แต่ชีวิตน่ะ มันเกิดครั้งเดียว เราทุกคน ยังมีสิ่งที่ต้องทำสิ่งอื่นรอเราอยู่อีกครับ)

      ในชีวิตจริง เราก็ไม่ได้ใช้เพียงความบ้าบิ่นครับ …..

      ขอให้จดจำ ความลำบาก ไปใช้ตลอดชีวิตครับ… เพื่ออดทน กับอุปสรรคต่างๆในชีวิตหลังเป็นทหาร

      โชคดีครับ

  23. ว่าที่ทหารใหม่ says:

    ครับ ขอบพระคุณมากสำหรับคำตอบครับ ผมมีอีกข้อสงสัยข้อนึงครับ คือร่างกายผมมันก็ไม่ค่อยเต็ม100%อะนะครับคือผมเคยถูกรถชนเมื่อ2ปีก่อนตอนนั้นกระดูกนิ้วก้อยเท้าขวาแตกแหลกไปเลย แต่ทว่าพอเมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาที่ผ่านมาผมไปเอ็กซ์เรย์ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพระมงกุฏมา หมอเขียนในใบรับรองแพทย์ว่า กระดูกเท้าขวาแตกหักยังอยู่ในระหว่างการรักษา แต่ทว่าคุณหมอได้บอกมาว่า “ยังไงก็เป็นได้” -.-” เศร้ามากคับ อนึ่งผมเป็นโรคหอบเหมือนกันครับ แล้วก็เป็นข้อที่อยู่ในกลุ่มอาการของโรค รูมาตอย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช รักษาอยู่กับ รองศาสตราจารย์แพทย์หญิง เล็ก ปริวิสุทธ์ คุณหมอบอกว่าโรคนี้สามารถหายได้และก็สามารถกำเริบได้เช่นเดียวกัน ผมเลยปรึกษากับคุณหมอว่าจะออกใบรับรองแพทย์ให้ผมได้ไหมเพื่อนำไปใช้ในการเกณฑ์ทหารและคุณหมอก็ได้บอกว่า ถึงเอาไปก็ไม่จำเป็นเพราะโรคมันสงบแล้ว แต่….มันสามารถกำเริบได้ ผมเลยอยากทราบว่าถ้าผมสมัครเข้าไปแล้วจะถูกมองว่า “สำออย” หรือปล่าวครับ แล้วที่พี่บอกว่าให้โอนประวัติไปโรงพยาบาลทหารนั้นต้องทำอย่างไรครับ เพราะถ้าถามผมว่าอยากเป็นทหารมั้ย เหมือนพี่แหละครับ ไม่อยากเป็น แต่ถ้ามันจำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมเลยต้องการที่เซฟตัวเองให้มากที่สุด เพราะไม่อยากตายระหว่างการฝึก อ่ออีกอย่างคืออยากทราบว่าการทำผิดขั้นร้ายแรงขนาดไหนหรือครับถึงจะถูกจำหน่ายตาย นอกเสียจากว่าฝึกหนักถึงขั้นช๊อคตาย แล้วระหว่างการฝึกพกยาติดตัวได้ไหม แล้วทหารอากาศนี่โอกาศที่จะถูกจำหน่ายตายมีเยอะไหมครับ

    ตอนแรกผมกลัวมากนะการเป็นทหารแต่พอศึกษามากๆเข้าเลยค่อนข่างทำใจได้ จิตใจผมเต็ม100 แต่ร่างกายมันไม่เต็มให้นะสิครับ (เพิ่งไปฉีดยาแก้ปวดมาด้วยที่ข้อเท้า)

    เกือบลืมไปข้อนี้สำคัญมากๆ ทหารอากาศตอนฝึกต้องว่ายน้ำไหม ผมว่ายน้ำไม่เป็น นี่แหละครับสุดยอดแห่งความกังวล -*-

    ช่วยตอบทีนะครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

    • nitoniwatori says:

      ตัวผม ก็มีโรคประจำตัวตั้งแต่เด็ก คือ หอบ และ หัวใจ มีประวัติการรักษา กับทางโรงพยาบาล รัฐ/เอกชน วันไปจับผมก็เอาหลักฐานไป แต่ใช้ไม่ได้ เพราะ ไม่ใช่ โรงพยาบาลทหาร

      หลังผมไม่ค่อยดี เป็นมาตั้งแต่ก่อนการฝึก

      ทุกอย่าง สำหรับคนอื่นเขาไม่ใช่เราเขาไม่รู้หรอกครับ… ว่าเราเจ็บเราปวดแค่ไหน … แต่ด้วยการฝึกในคนหมู่มาก เขาไม่สามารถปล่อยให้มีใครออกนอกกรอบได้ เพราะถ้า ” ปล่อยหนึ่งคน ” คนอื่นที่เหลืออีกเป็นร้อย
      จะคิดยังไง ???

      คิดแค่พื้นฐานว่า เขาไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของเราได้ฉันใด เราก็ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกเขาได้ฉันนั้น

      ฉนั้นไม่ต้องห่วงครับเจอแน่นอนว่าสำออย ..

      คนมีหลายแบบ ผมกล้าพูดได้ว่า ในร้อยคน ที่ฝึกด้วยกัน มันต้องมีบ้างอยู่แล้วครับคนที่
      สำออยจริง .. หรือคนที่เอาเปรียบเพื่อนด้วยกัน เบียดเบียนเพื่อนๆ

      ทำสิ่งที่คนอื่นทำครับ

      เรื่องโอนประวัติการรักษา ติดต่อโรงพยาบาลเอาเลยครับ ผมไม่ทราบเหมือนกัน เพราะไม่เคยทำ

      เรื่องยาประจำตัว ผม แนะนำเสมอครับให้เตรียมไปเลย (ส่วนจะมีเวลากินไหม ผมไม่รับประกัน ขอให้เตรียมไปครับ ค่อยเจรจาภายหลัง)
      แต่อย่าเอา ของ จิปะถะ หรือ พวก วิตามินเสริมพิเศษ แนว แบบ บีรวม วิตามินซี อมเล่น
      เพราะเดี๋๋ยวจะกลายเป็น “เข้าตา” ให้เอายาที่มันเป็นยารักษาโรคที่เราเป็นจริงๆ

      เรื่องโฟม ล้างนงล้างหน้า ก็ไม่ต้องครับ ช่วงการฝึก ไม่ต้องคาดหวังอะไรทั้งสิ้น… ว่าจะมีเวลาให้ลั้นลา
      เว้นแต่จะเจอหน่วยที่สบาย…. เอาง่ายๆ เวลาจะตัดเล็บ ยังต้องแอบตัดเอาตอนหลับ… (ประเด็นไม่มีเวลาให้ตัดแต่ ตรวจตอนเช้า ฮ่ะๆๆๆ ไม่ตัดเจอ แดก)

      ส่วนจำหน่ายตาย ผมบอกนะว่า ถ้าคนปกติ ไม่มีใครอยากจำหน่ายใครตายหรอกผมว่า
      การตายมันเกิดขึ้นได้หลายแบบ… ตั้งแต่ อุบัติเหตุ ยัน … ที่ไม่ใช่

      แต่สิ่งที่เลี่ยงได้ยากที่จะปัดว่ามีส่วนคือ… ” ตัวเรา ”

      ส่วนเคสที่หนักๆ ส่วนมากคือ ” พยายามหนี ”
      อย่าพึ่งคิดว่า ทำไม โหดเกินไป ไม่ใช่มนุษย์แล้ว… และเอาไปเปรียบเทียบกับคดีอื่นๆ ฆ่าคนยังโทษไม่ถึงตาย … ฯลฯ

      ขอให้เข้าใจผู้ที่เขาฝึกก่อนครับ… เขามีคนไม่เยอะ แต่ต้องควบคุมคนมากมาย ที่มาจากต่างที่ ต่างนิสัย บ้างควมคุมได้ เข้าใจกฏระเบียบ เข้าใจระบบ บ้างควบคุมไม่ได้ ชอบใช้กำลัง บางคนอาจข่มขู่ข่มเหง เพื่อนรุ่นเดียวกัน ด้วยซ้ำ

      คือ การที่จะควบคุมคนทั้งหมดได้คือ ความเข้มงวด ที่จริงจัง ไม่ใช่ปล่อยละเลย เพราะ เราฝึกทหาร ที่ถ้ารบจริง ก็ต้องรบจริง ลองคิดว่า ถ้าประเทศเรามีทหาร ที่ฝึกแบบชิลๆ แล้ว เกิดมีรบกัน เราจะ หลับตาลงยังไง ?

      ขึ้นชื่อว่าทหาร … ก็คือ สภาพ ที่เราไม่ใช่ พลเมือง แต่คือสภาพของผู้ที่ปกป้องเมือง … ฉนั้นการฝึกของทหาร มันก็เลยจริงจัง อาจมีเสียชีวิตได้ (ผมรู้ครับ แม้แต่ใจผมก็ยังพยายามแย้งว่า ที่ตายเพราะระบบเรายังไม่ดีพอใช่ไหม แต่ เอาจริงๆ จะให้มัน ไม่พลาดเลย ผมว่ายาก ก่อนที่เราจะไปเปลี่ยนอะไรอย่างอื่นที่ไม่่ใช่ตัวเรา เปลี่ยนตัวเรา เตรียมพร้อมที่สุดนั่นแหละดี ผมว่านะ… ก่อนผมไป ผมถามใครๆ มีแต่บอก โอ้ยทหารฝึกสบาย ไม่มีมือ ไม่มีเท้า…. ผมล่ะอยากให้เขามาฝึกกับผมจังเลย)

      ถ้าบอกว่าใจพร้อมนะครับ ผมแนะนำอีกอย่าง พยายามทำให้กายพร้อมครับ…
      ดันพื้น (วิดพื้น) ทำให้ได้ ดึงข้อ ทำให้ได้… (ผมพูดไป ไม่ใช่ว่าผมทำได้ดี ผมตัวหนัก 85 ได้มั้งก่อนเข้ารับการฝึก (คือตอนจับใบแดง หนัก 64 ได้ จับเสร็จ กินเที่ยวอย่างเดียว ปลง… เพราะได้ ผลัด 2 มัน มีเวลาพัก ครึ่งปี) … ผมดึงข้อไม่ค่อยได้ มันก็กลายเป็นปัญหาของผม)

      ส่วนเรื่องว่ายน้ำ ถ้า ไปตก ทัพเรือ คง เลี่ยงไม่ได้… (คงไม่ดีถ้า เป็นทหารเรือแต่ว่ายน้ำไม่เป็น) แต่ ต่อให้ตกทัพบก ผมก็กล้าพูดว่า เจอน้ำแน่ครับ แค่อาจไม่ใช่น้ำลึก ส่วน ทอ. ผมไม่รู้ แต่น่าจะฝึก เหมือน ทบ. หรือ ถ้าไปตกหน่วยพิเศษ หนักๆ ก็น่าจะเจอ แต่ถ้า ลงฝึกหลักสูตรพิเศษ อันนั้นยังไงก็ต้องเจอครับ …

      เอาเป็นว่า เตรียมทุกอย่างให้พร้อม ครับ ทำใจให้ได้… เพราะ มันจะเป็นเวลาที่ยาวนานที่สุดช่วงนึงในชีวิตเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ ไปตกที่หนักๆ แล้วเป็นสองปี นะ ยิ่งเกิดเจอ รุ่นพี่แย่ๆ หรือ เจอ พวกบ้าอำนาจ แดกมั่วๆ ไม่มีเหตุผล

      เอาเป็นว่า มันเป็นช่วงเวลาช่วงนึงที่ ผมว่าน้อยคนที่จะลืมทุกอย่าง ถ้าเคยผ่านมา

      เอาใจช่วยนะครับ ถ้าไปฝึก ขอให้รอดปลอดภัย กลับมาทักทายผมบ้างแล้วกัน โชคดีครับ

  24. ปราง says:

    พอดีแฟนเป็นทหารเรือผลัด4/54 จะไปเยี่ยมแต่ไม่รู้ว่าในวันหยุดนักขัตฤกษ์ เค้าให้เยี่ยมได้ไหมค่ะ หรือว่าเค้าฝึกตามปกติไม่หยุด หรือเยี่ยมได้แค่เสาอาทิตเท่านั้น

    • nitoniwatori says:

      ต้องดูว่า มันคือช่วงไหนครับ ถ้า วันหยุดตรงกับช่วงเวลาในการฝึกทหารใหม่ ไม่น่าจะมีที่ไหนปล่อยให้เยี่ยมครับ

      แต่ถ้าหมายถึงทหารที่ขึ้นกองร้อยแล้ว อาจจะเยี่ยมได้ครับ (ขึ้นอยู่กับหน่วย) ส่วนจะเยี่ยมได้นานมากน้อยขึ้นอยู่กับหน่วย (หน้าที่การงานที่เจ้าตัวรับผิดชอบ หรือ จำนวนคนในก้องร้อย … ความเข้มงวดหน่วย สิบเวร ฯลฯ)

      สุดท้าย คงต้องให้ฝ่ายปลายทาง (คุณแฟน) ถามว่าปล่อยให้เยี่ยมได้ไหม (แต่ถ้ากรณี เขาฝึกทหารใหม่อยู่อย่าให้ไปถามเด็ดขาดครับ… = =”) กรณีที่ ขึ้นกองร้อยแล้วเท่านั้น

      ปกติแล้วถ้าหากมีธุระสำคัญ ส่วนมาก หน่วยจะปล่อยให้เยี่ยมได้ (ไม่กี่นาที 10-30นาที) บางหน่วยอาจยินยอมให้ ฝากของ(แต่ต้องตรวจสอบก่อน) (แต่ผมไม่แนะนำให้ฝากครับ… ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะเป็นอะไร แนะนำว่าส่งกับมือดีกว่า ถ้าออกมาไม่ได้ก็อย่าฝากครับถึงเขาจะบอกฝากได้)

      เว้นแต่ว่ากรณีที่อยู่ในการฝึก (สามเดือนแรกของการเป็นทหารเกณฑ์) ไม่น่าจะให้เยี่ยม ใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นแต่ มีเรื่อง ทางกฏหมายหรือ มีหมายศาลเรียกตัว อาจต้องติดต่อผ่าน ผู้บังคับบัญชา ประจำหน่วยครับ.. (ถ้าเยี่ยม คิดถึงน่าจะหมดสิทธ์ ถ้าเอายาประจำตัวมาให้ อาจฝากได้แต่ให้ฝาก หมู่/จ่า ที่เป็น ผบ.กองรักษาการณ์ เป็นอย่างน้อย และ ระบุตัวให้ชัดเจน)

  25. ขอบคุณครับ says:

    ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทหาร(เกณฑ์)ใหม่เข้ากรมกองกัน

    มีข่าวเรื่องคลิปฉาว(ที่ไม่ค่อยดีนัก)เกี่ยวกับวงการทหารเกณฑ์ต่างๆ

    เช่น :-

    1. http://hilight.kapook.com/view/51492

    2. http://news.mthai.com/headline-news/165408.html

    3. http://www.oknation.net/blog/Sriracha/2012/05/12/entry-2

    อยากทราบว่าคุณมีความคิดเห็นกับเรื่องพวกนี้บ้างไหมอย่างไร

    รวมทั้งตอนที่คุณได้ไปฝึกในค่ายเป็นทหารใหม่นั้น

    หลักสูตรการฝึกเขาฝึกกันยังไงบ้างล่ะครับ เพราะหาข้อมูลตามเว็บต่างๆ ยากมากๆ ไม่ค่อยมีคนเขาบอกกัน

    หรือมันเป็นความลับที่เขาไม่บอกกัน เลยทำให้บางคนที่เข้าค่ายไปเป็นทหารใหม่ๆ

    อาจจะไม่ได้ปรับตัวและเตรียมตัว หรือไม่รู้ว่าจะต้องฝึกอะไร หรือจะต้องเจอกับอะไำรยังไงในค่ายบ้าง

    แม้แต่สัสดีตามเขตต่างๆ เท่าที่ไปคุยๆ มา ก็ไม่ค่อยชอบบอกว่าหลักสูตรทหารเกณฑ์นั้น

    ตกลงเขาฝึกกันอย่างไรบ้าง มีมาตรฐานการฝึกเป็นอย่างไร

    มีบทลงโทษสำหรับทหารเกณฑ์และครูฝึกที่แน่นอนเป็นมาตรฐานตายตัวหรือไม่อย่างไร

    ผมขอขอบคุณมากๆ ที่ได้เสียสละเวลามาตอบคำถามของทุกคนที่ผ่านมาใน Blog

    ยังไงก็ช่วยตอบคำถามของผมให้ด้วยนะครับ

    ผมเชื่อว่าคำตอบของคุณนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่เข้ามาอ่านกัน

    ขอบคุณครับ

    • nitoniwatori says:

      เอาทีล่ะข้อนะครับ … (ผมก็กะอยู่บ้างว่า จะพ้นเรื่องดังเรื่องนี้ไหม…)

      สำหรับผมในฐานะ อดีต ทหาร… ขอโทษที่ผมต้องบอกว่า ” ผมเฉยๆ ” ครับ…
      ทหาร ก็คือ มนุษย์… มนุษย์ เหมือน เรานั่นแหละครับ มี รักโลภโกรธหลง…
      ต่างตรงไหน ?? ต่างแค่ มีคำว่าระเบียบวินัยค้ำคอ คำว่าทหารค้ำคอ ….
      แต่สุดท้าย ยังไง เขาก็คนครับ… ร้อยพ่อ พันแม่ … ถ้าอ่านข้อความของผมดีดีจะเข้าใจว่า
      ผมเองก็บอกตลอดครับว่า ทหาร มีทั้งดี และ ไม่ดี ซึ่งนั่นคือเรื่องปกติ เพราะขนาด
      แม้ในตัวเราเองก็ยังมีส่วนที่ดีและส่วนที่ไม่ดี มีทั้งคนอื่นรู้และคนอื่นไม่รู้ …

      กรณีเขาทำผิดวินัยผมเฉยๆ แต่ถ้าเขาไปฆ่าใคร มันก็เกินไป
      – เรื่องทำโทษ … ผมเฉยๆ เพราะ… ถ้าคุณเป็นทหารจะเข้าใจว่าทำไม ” ทหาร ” คือ ” ทหาร ” ครับ…
      ไม่ใช่คุณหนู เราถูกฝึก ” เพื่อรบ ” เพื่ออดกลั้น อดทน…สำหรับคนที่ตกหน่วยสบายก็สบายไปครับ
      ทุกอย่างมีเหตุมีผลของมัน แม้มันอาจจะงี่เง่าก็ตามที่ ในบางครั้ง

      – เรื่องเซ็กซ์ หมู่ … ผมก็เฉยๆ เพราะว่า เขา สมยอมกัน … เขาไม่ได้ไปฉุดล่า คร่าผู้หญิงตามท้องถนน
      นี่คือมุมของผมนะ เพราะทหาร ก็คน ผมเข้าใจมันละเอียดอ่อน ว่าเอ้ย ทหาร ทำไม ทำตัวกันแบบนี้
      แต่คุณครับ ทหาร ไม่ได้มีแค่คนเดียวบนโลก มิหนำซ้ำเขาก็คน

      ส่วนเรื่องการฝึก ผมก็บอกตลอดครับ เตรียม สามสิ่ง ร่างกาย จิตใจ ยาประจำตัวเหตุผลทำไม ถึงไม่มีใครบอกเรื่องภายในการฝึก ???

      1.กฏหมายครับ … เรื่องการฝึกถือเป็นความลับทางการทหาร ดำเนินการเอาผิดแก่ผู้ให้ข้อมูลได้ ครับ
      ยิ่งถ้ายังประจำหน่วย โอกาศ ฮา ก็มีครับ (หวังว่าคงจะพอเข้าใจนะครับคำว่า ฮา ของผมน่าจะหมายความว่า
      อย่างไร)
      2.ไม่มีใครอยากเอาตัวไปตำเสี้ยน การมีปัญหากับ ทหาร ไม่ใช่เรื่องดี (เคยเห็นพ่อแม่ ฟ้องทหารไหมครับ เวลาลูกตาย คดีไหนชนะบ้าง มีไหมครับ ??? ต่อให้เป็นเรื่องจริง ต่อให้ มันโหด เกินมนุษย์ ขนาดไหน …)
      3.แต่ละหน่วยฝึก ฝึกไม่เหมือนกันครับ (ถ้าอ่านข้อความผม เรื่องนี้ผมก็ได้พูดไปบ้างครับในข้อความก่อนหน้า)
      ซึ่งแม้แต่หน่วยเดิม หน่วยเดียวกันนี่แหละ แต่ผู้ฝึกคลละคน ครูฝึกคลละทีม ยุคสมัยมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยครับ ไม่มีอะไรที่มันจะคงเดิมได้ตลอดไป… ฉนั้นอย่าคาดหวังครับ… ในเรื่องมาตราฐาน เพราะขนาดตัวเราเองยังทำไม่ได้อย่างที่ตัวเราคาดหวังเลย…(ใช่ไหมครับ??) ทุกอย่างล้วนมีเหตุผลของมันครับ

      บนโลกเรา ทุกวันนี้ ข่าวสารถือว่าไวมาก แต่ ผมกล้าพูดว่า เรารับรู้ข่าวสารมากขึ้นผ่านสื่อต่างๆ ก็จริง แต่ มันไม่ได้ครบทุกเรื่องบนโลกนี้หรอกครับ …. คดีฆาตกรรม ไม่ใช่ว่าทุกคดี จะเป็นข่าว …

      แปลว่า สิ่งที่ร้ายแรงกว่าที่เป็นข่าวก็ยังมีอยู่ในมุมๆ หนึ่งที่ๆ เราไม่รู้เสมอครับ และ การรู้เยอะ บางทีก็ไม่ใช่เรื่องดี
      ทั้งคนรู้และทั้งคนที่เกี่ยวข้อง มีหลายเรื่องที่ เราอยากรู้ อยากเข้าใจ แต่เชื่อได้เลยว่าในหลายเรื่องนั้น
      ความอยากรู้มักทำให้ ” เรา ” หรือ ใครสักคนที่ ไม่ควรเดือดร้อน … เดือดร้อนเสมอๆ

      เอาเป็นว่า ความรู้สึกเจตจำนงค์ ผมคงเดิม ผมอยากให้ น้องๆ ที่กำลังจะเป็นทหาร ได้รับกำลังใจจากผม
      ได้เตรียมตัว ได้ข้อแนะนำ ในการใช้ชีวิตรับราชการ ในฐานะ ” พลทหาร ” หรือ ปฏิบัติ หน้าที่ ” พลเรือน ” ที่ดี

      ผมไม่เคยคิดร้ายต่อใครครับ แต่ผมว่าผมเองก็พอเข้าใจในเหตุที่เกิด

      ความจริงเป็นสิ่งที่คนพยายามค้นหามากที่สุด แต่ ” ความจริง ” ก็กลายเป็นสิ่งที่คนยอมรับได้ยากที่สุด

  26. คนไทย says:

    สวัสดีครับ

    อยากทราบว่าปกติเวลาจับทหารน่ะครับ

    เขามักจะจัดให้ไปอยู่ตามภูมิลำเนาของเราหรือเปล่าครับ

    หรือจัดแบบไหนกันแน่

    พอดีเพื่อนผมมันอยู่กรุงเทพแต่ไปตกที่ต่างจังหวัด(ไกลมาก)น่ะครับ

    รบกวนช่วยตอบให้หน่อยนะครับ

    • nitoniwatori says:

      คือ ผมอยากบอกว่าแล้วแต่โชคครับ ว่าหน่วยไหนจะได้รับกำลังพลเท่าใด รายชื่อเต็มแล้วยัง… ตรงไหนขาด อะไรพวกนี้น่ะครับ ในเบื้องต้นผมคิดว่า เขาพยายามล๊อคให้อยู่ในพื้นที่ก่อน จน ในพื้นที่เต็มถึงกระเด็นไปต่างจังหวัดครับ

      กรณีต่างจังหวัด ก็น่าจะเช่นเดียวกันคือ ส่วนใหญ่จะได้ในจังหวัดตัวเอง ส่วนน้อยกระเด็นไปจังหวัดอื่น หรือ กรุงเทพฯ ครับ…

      อีกส่วนนึงก็ ” พิเศษ “

  27. ความจริงคืออะไร says:

    สวัสดีครับ

    มีข่าวใหม่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับทหารเกณฑ์มาให้อ่านกัน

    เป็นเรื่องความแค้น(ฝังหุ่น)ระหว่างทหารเกณฑ์กับ(อดีต)ครูฝึกครับ

    1. http://www.manager.co.th/crime/ViewNews.aspx?NewsID=9550000065946&CommentReferID=21359897&CommentReferNo=6&

    2. http://hilight.kapook.com/view/71938

    อยากทราบว่าตอนที่คุณเป็นทหารเกณฑ์อยู่ในค่าย เคยนึก หรือเคยมีซักแวบนึงในใจไหมครับที่รู้สึกว่ามันเหลืออด เกินทนไปแล้ว

    แล้วคุณว่ามันเคยมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนหรือไม่ครับ เพราะไม่ค่อยจะได้ยินข่าวทำนองนี้เลย

    ส่วนใหญ่ที่ได้ยินจะเป็นแต่ข่าวทหารเกณฑ์โดนซ้อมอะไรทำนองนี้ซะเป็นส่วนมาก

    ผมอ่านข่าวนี้แล้วรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย อยากรู้ว่าการไปฝึกทหาร(เกณฑ์)ในค่ายมันจะทำให้แค้นกันขนาดนี้ได้เลยหรือ

    เลยอยากมาพูดคุยกับคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ว่าความเห็นคิดเห็นของคุณต่อเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ

    กรุณาช่วยมาแบ่งปันประสบการณ์ดีๆให้ฟังกันหน่อยนะครับ

    ขอบคุณครับ

    • nitoniwatori says:

      ตอนฝึกถามว่ามีไหม มีครับความโกรธ ความแค้น … ที่พยายามหักลบด้วยคำว่ามันคือบทที่เขาต้องเล่น มันคือการฝึก… แต่ ณ เวลานั้น เราเองก็เป็นมนุษย์… มันมีแค่บางคนเท่านั้นแหละครับ

      กรณีแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนถามว่ามีไหม มีแน่นอนครับ… เรียกว่าแทบไม่ต้องห่วง…. เอาง่ายๆว่า
      มันจะมีช่วงเวลาอยู่ ถ้าให้พูดตรงๆจากใจ… แม้แต่ผม ก็มีคนที่ถ้าผมเจอ ผมก็ต้องเล่นอยู่เหมือนกัน…
      โลกใบใหญ่มีเรื่องราวมากมายที่เราไม่รู้ บางเรื่อง เราก็ไม่มีวันได้รู้ครับ…

      คือ คนที่ลงครูฝึก ที่จิตใจดีก็มีครับ อันนี้ผมขอบอก การที่จิตใจดีไม่ได้เกี่ยวกับว่า ไม่โหด…
      แต่มันเกี่ยวกับความมีเหตุมีผล มีความเป็นลูกผู้ชาย หรือ ลูกผู้ชายพอที่จะคุยกันแบบเปิดอก
      คนที่ผมเคารพ ทั้งๆ ที่เขาก็ทั้งแดก ทั้งซ่อม ทั้งสารพัดผม ก็มี… ผมเคารพ เพราะความเป็นลูกผู้ชาย
      และเป็นคนรักษาคำพูดของเขา… แม้เขาจะตีหัวผมแตก จนเลือดอาบก็ตาม

      คนเรามันอยู่บนพื้นฐาน ความตั้งใจ บางคนมาลงครูฝึกเพราะ อยากเอาคืน … ในสิ่งที่ตัวเองผ่าน
      หรืออยากสร้าง อำนาจ ความนับถือในรุ่นน้อง (อำนาจมีหลายแบบ แบบที่นับถือด้วยใจ หรือ เกรงกลัวด้วยอำนาจ) …

      ในมุมมองผมคนมันมีหลายแบบ .. ถ้ามองแบบเป็นกลาง คนบางคนอาจมีเหตุผลต่ำจน ไม่เข้าใจว่า
      การที่เราเข้ามาเป็นทหาร คือ เรามาเป็นทหาร… และการฝึกคือการฝึก ….
      มองไม่ออกว่า อะไรคือการฝึก มองเป็นเรื่องส่วนตัวไปซะหมด เกินขอบเขต ก็เป็นไปได้ …

      เอาง่ายๆว่า มาตราฐาน ของคนไม่เหมือนกัน … การมีเรื่องทะเลาะกันใน สัตว์สังคม ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ
      อย่าว่าแต่ทหาร .. เพราะว่า ” คนภายนอก ก็ฆ่ากันครับ ” ส่วนด้วยเหตุอะไร ผมก็คงตอบได้ไม่ชัดเท่าคนที่ลงมือ สุดท้าย จะทหาร จะอะไรก็คน คนภายนอกฆ่ากันด้วยเรื่องเล็กน้อยกว่ามีเยอะครับ เหยียบเท้า มองหน้า … บางทีก็คะนองอย่างเดียว….. แล้วคิดเอาว่า ทหารก็คือการนำคนพวกนั้นเข้ามาฝึกครับ

      สำหรับความแค้นของผม ต่อให้ผมแค้นยังไง ถ้าเขาไม่ได้ฆ่าผม ไม่ได้ฆ่าคนที่ผมรัก ไม่มีเจตณา ผมก็คงไม่ได้ถึงขนาดอยากฆ่าเขา เป็นผมก็คงแค่อยากเอาคืนให้สมกับสิ่งที่เขาทำ เพราะ ผมคิดว่า ชีวิตคนทุกคนมีค่า ไม่ว่าคุณหรือผม หรือเขา คนเราสมัยนี้ส่วนมากฆ่ากันเพราะขาดยั้งคิด เพราะคะนอง ขาดการตรองถึงเหตุถึงผล

      เอาเป็นว่ามันคือเรื่องที่เกิดขึ้นได้ครับ มันมี % เกิดขึ้นอยู่แล้วบนความเป็นไปได้ที่หลากหลาย
      เหมือนความเป็นไปได้ในเรื่องต่างๆ แม้ความรู้สึกของตัวเรา หรือ ความเป็นไปได้ในความรู้สึกของผม

      ชนวนเหตุ บางที่ มันอาจเป็นเรื่องหลายๆ เรื่อง ที่ ข่าวไม่ได้ออก เราไม่ได้รู้ และ เขาไม่อยากบอก..
      บางทีคนเริ่มเหตุอาจไม่ใช่ คนที่ตาย … บางครั้งมันอาจมีอะไรมากกว่า เรื่องของการฝึกก็ได้

      แต่การฝึกอาจเป็นแค่ข้ออ้างที่มันฟังดูพอรับได้ หรือ อาจปนมากับความรู้สึกจริงๆ ที่มีอยู่

      ในมุมของผม ผมเป็นคนกลางในเรื่องนี้ ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ผมก็ฟันธงไม่ได้ แต่ถ้าให้ตอบตรงๆว่า
      เป็นไปได้ไหมที่ การฝึกทำให้คนฆ่าคนฝึก… ตอบว่าเป็นไปได้ครับ… เพราะคนที่มาฝึกไม่ได้คัดเรื่องจิตใจ
      ความเข้าใจ ทัศนะคติ … แต่ทุกคน เข้ามาด้วยหน้าที่พลเมือง ครับ… (เฉพาะบ้านเรา) แม้แต่คนที่สมัครมาเป็นทหาร แล้วหนีทหาร ยังมี อย่าคิดมากครับ กับมนุษย์ธรรมดา อย่างเขา อย่างเรา ทุกสิ่งเกิดด้วยเหตุด้วยผล แต่เพียงเราอาจไม่เข้าใจมันเท่านั้นเอง ส่วนตัวผมก็เสียใจถ้ามีคนดีดี ต้องตาย หรือ ต้องได้รับในสิ่งที่ไม่สมควรได้รับ

  28. อยากรู้ says:

    ขอถามหน่อยครับ

    ทหารเกณฑ์สามารถเอาครีมกันแดดเข้าไปทาในค่ายได้ไหมครับ

    เพราะเคยได้ยินมาว่าการฝึกต้องตากแดดนาน

    แล้วถ้าผิวหนังโดนแดดนานๆ อาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้น่ะครับ

    แล้วอีกอย่างหนึ่ง หลังจากที่คุณฝึกทหารเสร็จจบหลักสูตรแล้วได้กล้ามมาเยอะไหมครับ หรือว่าผอม

    • nitoniwatori says:

      ขอเรียกตัวเองว่าพี่นะครับ…จะตอบให้เป็นข้อๆครับ

      – ทหารเกณฑ์สามารถเอาครีมกันแดดเข้าไปทาในค่ายได้ไหมครับ ?

      ในช่วงการฝึก ผมแนะนำว่า อย่าเอาไปจะดีกว่าครับ เชื่อผมเถอะ เอาไปแค่ ยารักษาโรคประจำตัวที่สำคัญๆ ที่เราจะตายถ้าไม่มีมันดีกว่าครับ ถึงเอาไปได้ เวลาจะใช้คงเกรงว่าจะไม่มี แต่ถ้าน้องมีเวลาทา ทุกวัน หรือ เขาให้เอาไปใช้ทากันแดดได้ พี่ว่านั่นคงไม่ใช่การฝึกทหาร…

      – เคยได้ยินมาว่าการฝึกต้องตากแดดนานแล้วถ้าผิวหนังโดนแดดนานๆ อาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้น่ะครับ

      ครับฝึกต้องตากแดดนาน… และ ค่อนข้างทุกวัน… และใช่ครับ โดนแดดนานๆ เป็นปัจจัยเสริมให้เป็นมะเร็งผิวหนัง…

      พี่ว่าถ้าคุณ ” อยากรู้ ” กำลังจะไปเป็นทหาร หรือ ไม่ต้องเป็นทหารแล้ว แต่ แค่อยากรู้เฉยๆ … พี่ก็จะบอกว่า
      คนที่ไปเป็นทหาร ก็ เพื่อ เป็นทหารครับ… ในการฝึก มีมากกว่าเป็นมะเร็งผิวหนัง คือ ตายครับ… บางคนอาจพิการ ต่างๆ กันไป ขาหัก หูบอด … หรือ บาดเจ็บในรูปแบบต่างๆ …

      ไปเป็นทหารไม่ใช่นายแบบครับ ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ดำ ในช่วงการฝึก เว้นแต่หน่วยสบาย พวกคุณหนูโดนแดดไม่ได้ (พี่ไม่ได้ว่าน้องนะครับ ความคิดที่จะป้องกันเป็นสิ่งที่ดี แต่เชื่อเถอะว่า อย่าทำอะไรที่มัน โชว์ความอ่อนแอ หรือ ความแตกต่างจะดีกว่าครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการฝึก เพราะ ภาพที่ทุกคนจะจำเราไปตลอด ระยะเวลาการเป็นทหาร คือ สิ่งที่เราทำ ในตอนฝึกซะมากครับ)

      ลองจินตนาการดูว่า ทหารควรเป็นแบบไหน ทหารที่พร้อมจะรบ พร้อมจะตาย พร้อมจะตื่นตลอดเวลา
      แดดที่ว่าร้อน แต่พี่กล้าบอกว่ายางมะตอย ตอนกลางวันจะทำให้น้องลืมเรื่อง ครีมกันแดดไปเลยครับ
      (ถ้าน้องไปเจอหน่วยที่ เขาฝึกทหารให้เป็นทหาร)

      แต่ถ้าน้องยังอยากจะลอง หรือ จะแนะนำให้ใครเอาไปพี่ก็ไม่ว่านะ… แต่สำหรับพี่ พี่คิดว่าอย่าดีกว่า

      ส่วนหลังจากจบฝึก ทหารใหม่ จะเอาอะไรไป ก็เอาไปครับ… จะแต่งองค์ ยังไงก็ได้ (แต่ดูสิบเวรด้วยนะครับ
      ไม่งั้นอาจเข้าตาได้) อยู่กองร้อย ถ้าบริหารเวลาได้ จะทำอะไรก็ทำครับ จะทาอะไรก็ได้นั่นเรื่องส่วนตัว
      แต่ถ้าตอนฝึก เพื่อนทำอะไร ก็ทำตามกันไปครับ อย่า ออกนอกทางมาก

      ถ้าใครจะเป็นทหารแล้วกังวลเรื่องต้องโดนแดด ผิวจะดำ … ขอให้กังวลเรื่องสุขภาพกาย และ ใจดีกว่าครับ

      – ฝึกทหารเสร็จจบหลักสูตรแล้วได้กล้ามมาเยอะไหมครับ ?

      ขึ้นอยู่ว่าหมายถึงช่วงไหน… ผมอยู่หน่วยสื่อสาร ตอนฝึกน่ะหนักครับ (ที่หนักคงเพราะ ฝึกร่วมกับพวกหน่วยพิเศษ อีกส่วนคงเป็นความโชคดี…) กล้ามมีมากกว่าตอนอยู่บ้านแน่ครับ… (ผมเป็นนักดนตรีโดยพื้นเพ ครับไม่ใช่คนเล่นกีฬา) … ช่วงฝึก ก็ พอจะมีครับ แต่พอฝึกเสร็จกลับบ้าน ก็ กินกระจายครับ… กินแบบไม่เคยกินมาก่อน… ตอนช่วง ประจำกองร้อย ก็ เฉยๆ ครับ กินเยอะ แต่ไม่อ้วนมาก (ที่กินเยอะ เพราะเป็นคนที่เครียดแล้วกินครับ อยู่ในนั้น อิสระ ไม่ค่อยมีครับ)

      แต่พอปลดทหารออกมา นี่บันเทิงครับ กินกระจุยกระจาย

      น้ำหนักผม

      – ก่อนจับใบแดง 65
      – จับโดน ทบ.2 … ได้พักครึ่งปีก่อนเป็นทหาร ผมกินเที่ยว จน น้ำหนัก มาอยู่ที่ 95
      – ฝึกจบ เหลือ 60-65
      – ช่วงกองร้อย 70 กว่า
      – พอปลด… 105 ครับ

      ผมสูง 190 โดยประมาณครับ

      ถ้าสิ่งไหนผมพูดแล้วเหมือนแรงไปก็ขอโทษด้วยแต่ผมหวังดีครับ ถ้าน้องไปเจอฝึกหนักๆ จะเข้าใจได้เองว่า สิ่งไหนควรไม่ควร แต่ถ้าวันนี้ น้องไม่ใช่ทหาร หรือ ไม่ใช่คนที่เคยผ่านช่วงเวลานั้น มา อาจไม่เข้าใจ และคิดค้านว่า ก็เราจะเตรียมตัวให้พร้อม… มันผิดตรงไหน… มันไม่ได้ผิดหรอกครับ แต่ แนะนำว่าเตรียมเฉพาะที่มัน สำคัญมากจริงๆ ครับ… สำคัญแบบ ” ทหาร 100 คน เวลาไปรบต้องใช้เหมือนกัน ”

      พี่เสียหูในการฝึก ไม่เคยอยากให้ใครต้องเสียหู พี่ไม่ได้อยากเสียหู และไม่ใช่คนที่ไม่รู้ว่าจะป้องกันยังไง…
      แต่เพื่อนพี่ น้องพี่ เสียชีวิต ยังไม่รวมคนอื่นๆ ที่เขาไปรบ เขาไม่ได้แค่ตากแดดครับ แต่ผ่าดงกระสุน เสี่ยงชีวิตหลายเรื่อง … (รวมถึงเรื่องที่เอ่ยไม่ได้ในนี้)

      ขอให้โชคดีครับ

  29. PingWinchester says:

    ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปี2008ตอนนี้2012ยังมีคนให้ความสนใจอยู่ ผมก็เป็นอีกคนที่กำลังจะไปเป็นทหาร ผลัดสอง วันที่1พฤศจิกานี้ ผมนั่งอ่านเรื่องของพี่ตั้งแต่ตีสองโดยประมาณกำลังอ่านจบ ผมสมัครทหารและกะว่าจะสอบนายสิบฟันเรื่องราวที่พี่เล่ามาแล้วมันทำให้อยากเข้าไปเร็วกว่าเดิม ผมเป็นคนเชียงรายแต่ได้ไปอยู่ค่ายที่เชียงใหม่ เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ

    • nitoniwatori says:

      พี่เองก็ตกใจเหมือนกันครับ เรื่องนี้เอามาลงตอนปี 2008 เพราะไปค้นเจอในคอมเครื่องเก่า แต่ตอนที่เขียนขึ้นคือช่วงปี 2004 ครับ … ที่ลงเพราะไม่อยากให้ใครเจอแบบผม หมายถึง อยากให้มีการเตรียมตัวก่อน หรือ สำหรับคนที่ ไม่ใช่จริงๆ ก็ให้รู้ไว้ว่า จะเข้าไปเจออะไร (อาจไม่เจออย่างผม หรือ อาจไปเจอหนักกว่านี้ก็ได้)

      สำหรับน้อง PingWinchester พี่นับถือนะถ้าสมัครแล้ว อยากไปเป็นทหาร (เพราะพี่เองก็ไม่ใช่คนแบบนั้น อย่างที่เกริ่นๆ ถ้าใครถามตอนนี้ก็ยังตอบแบบเดิมคือไม่ได้อยากเป็น แต่ก็ภูมิใจที่เคยเป็น)

      ถ้าคิดว่าแค่อยากลองลิ้มรสชีวิตทหาร ที่ไม่สามารถเจอได้ภายนอก แค่ 1-2 ปี สมัครไปเลยครับ ทหารเกณฑ์ก็ได้ แต่ถ้าวางแผนว่าจะเป็น ทหารตลอดไป หรือ จะ ประกอบอาชีพทหาร และมั่นใจในทัศนะคติที่ดีของตัวเอง พี่อยากให้ไป เป็นพวกนายร้อยมากกว่า

      แต่ถึงอย่างไร ก็ขอให้โชคดีครับ รักษาสุขภาพด้วย ถ้าจบฝึก ว่างๆ ก็แวะเวียนมาเล่าให้พี่ฟังบ้างก็ดีครับ (เอาเท่าที่พอจะเล่าได้พอ เพราะถ้ายัง ประจำการ อยู่ เดี๋ยวจะมีเรื่องเอา 🙂 )

  30. Anonymous says:

    1 พฤศจิ เหมือนกันเลย ทบ 2อยู่จันทบุรีจะไปโดนไหนโดนไหนก็ไม่รู้

  31. Anonymous says:

    เฟส ศิลาฤทธิ์ วงษ์ทอง ทบ 2 เผื่อได้เจอกันคร้าบบบบบบบบบ

  32. น่านฟ้า says:

    อยากทราบว่าคนไปเป็นทหาร จะสามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้มั๊ยค่ะ พอดีเป็นห่วงน้องอยากคุยกันว่าฝึกเป็นยังไงบ้าง เพราะโทรไปหาปิดเครื่องตลอด น้องอยู่ผลัด 2 ทอ .

    • nitoniwatori says:

      คุณน่านฟ้าครับ ติดต่อไม่ได้น่ะปกติแล้วครับ คือ คุณน่านฟ้าอาจจะไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงให้ติดต่อไม่ได้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเข้ารับการฝึก) เพราะ หากมีคนหนึ่งได้โทร คนที่เหลือ (อาจจะอีก เป็นร้อยคน) ก็อยากจะโทร ในทิศทางกลับกัน ก็สร้างความวุ่นวายและควบคุมลำบากให้กับหน่วยฝึก รวมถึง เสียระเบียบทหาร การที่จะมีการโทรศัพท์ หากันอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เชื่อผมเถอะว่า ทหาร ที่เข้ารับการฝึก ต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่ (โดยเฉพาะ พวกที่ตกที่โหดๆ รับรองว่าน้องอาจได้นอนไม่เต็มอิ่ม)

      ตามปกติแล้ว ทหารที่เข้ารับการฝึกจะ มีการเยี่ยมญาติจัดขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป เดือน หรือ เดือนครึ่ง ( แล้วแต่ความเข้มข้นของหลักสูตร) การให้ญาติเยี่ยม (โดยมากเป็นวันหยุดวันอาทิตย์) นั้นไม่ได้แปลว่าจบการฝึก แต่ให้เยี่ยมได้ (และแน่นอนครับว่า ” บางคน ” อาจไม่ให้เยี่ยม ขึ้นอยู่กับความประพฤติ)

      โดยมากในช่วงเวลาวันเยี่ยมญาติ ทางฝั่งญาติ อาจนำมือถือ มาให้ทหารใช้โทร หาบุคคลภายนอกได้ (ขึ้นอยู่กับหน่วยนะครับ)

      กรณีที่ทหาร เสียชีวิต (ขออภัยที่เอ่ยถึงเรื่องนี้) หรือ เกิดอุบัติเหตุ พิการ คาดว่าทางหน่วยฝึกจะต้องแจ้งไปยังญาติ ภายใน 2 วันครับ (ไม่ใช่ข้อบังคับแต่ เท่าที่ผมพอจะเคยเห็นน่ะครับ ดังนั้นเอาไปอ้างอิงไม่ได้ แต่ผมอยากให้สบายใจ)

      ผม ” ไม่แนะนำ ” ให้พยายามติดต่อ ไปที่ตัวพลทหาร ที่กำลังเข้ารับการฝึก แบบ นอกเวลาเยี่ยม หรือ ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะ อาจนำพาความลำบากให้แก่ตัวพลทหารนายนั้นได้ในระหว่างการฝึกครับ (เชื่อผมเถอะครับ ผมไม่ได้หวังร้าย)

      และสำหรับผู้ที่จะเข้ารับการฝึก ผมไม่แนะนำให้พกสิ่งของมีค่าใดๆ ติดตัวเข้าหน่วยครับ (คือผมอยากจะบอกให้ทำผิดบางเรื่องเสียด้วยซ้ำ ถ้าอ่านย้อนหลังจะมีที่ผมพอเกริ่นไว้ ผมไม่อยากพิมพ์ซ้ำๆ เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง)

      การสูญหาย อาจเกิดขึ้นได้และตามหาตัวผู้รับผิดชอบได้ยาก เพราะทหารในช่วงการฝึก โดยมากแล้วห้ามพกวัตถุใดๆ นอกจากยา (สำหรับที่ๆ หย่อนยานอาจพกเงิน ขนม หรือ อื่นๆ ได้ แต่ เช่นรูป แนะนำว่าอย่าพกอะไรดีกว่าครับ เพราะถ้าหาย น่ะ เราไม่มีเวลา หรือ แม้แต่ สิทธ์ จะไปค้นหรือหาที่ใครได้ครับ มันจะยุ่งยาก)

      โดยปกติแล้ว หน่วยฝึกส่วนใหญ่ ยินยอมให้มีการเขียนตอบรับจดหมายกับพลทหารได้ แต่คิดว่า สองสัปดาห์แรก อาจถูกระงับ หรือ กักเก็บ ครับ เพื่อกันทหารเสียกำลังใจ (สำหรับผู้ที่ไม่มีจดหมายมา) ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับหน่วยฝึกครับ ส่วนที่อยู่ของหน่วยฝึกที่พลทหาร ได้ไปอยู่ อาจติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ สัสดี เขต ประจำตัวของพลทหาร ได้ครับ เขาอาจอำนวยความสะดวก เรื่องรายละเอียดของหน่วย และวันเยี่ยมญาติ ได้ครับ

      ส่วนชีวิตหลังจากจบฝึกทหารใหม่ (สามเดือนแรกของการเป็นพลทหาร) จะขึ้นกองร้อย ช่วงเวลานั้น ถ้าหากมีเวลาว่างก็น่าจะค่อนข้างโทรศัพท์ ได้อิสระครับ แต่ การพกโทรศัพท์ แนะนำว่าให้ตัวพลทหารนั้นระวังโทรศัพท์ที่มีราคาแพงหน่อยนึงครับ เพราะร้อยพ่อพันแม่ ใครจะหยิบ จะขโมย จับหามือคนดมยาก หลับๆ อยู่ตื่นมาไม่เจอ หาไม่มีดีไม่ดี ตัวเองเหนื่อย ยังพา ” เพื่อน ” เหนื่อยไปด้วย แล้วอาจส่งผลระยะยาวได้

      พยายามหลีกเลี่ยง ” คำถาม ” ในการสนทนา ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการฝึก เพราะ หากทหารหลุดปาก เรื่องที่ไม่ควรพูด อาจมีความผิดครับ หรือ อาจโดนลงโทษ ฐาน แพร่งพราย ความลับทางทหาร (การฝึกทหาร ก็ถือเป็นความลับครับ) และต่อให้ไม่ใช่เรื่องลับ ถ้าพูดในเรื่องที่ไม่ดี แล้วหลุดรอดออกไป คนที่จะลำบากก็คือ ตัวพลทหาร นายนั้น เองครับ อยากให้ระวังนิดนึง … ” ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนส่วนมากตายเพราะความจริงครับ ”

      สิ่งที่ผมอยากย้ำเตือนคือเรื่อง ยาประจำตัว กับ ยารักษาเฉพาะโรคที่ ” กำลังเป็น ” ไม่ว่ายานวดยาอะไรก็ตาม มีไว้ดีกว่าไม่มี แต่ถ้ามีเยอะเกินไป คนที่ได้ใช้อาจไม่ใช่ ตัวพลทหารนายนั้น และ ของ ” เส้นไหว้ ” ถ้าเคยให้ใครสักคน อาจทำให้ต้องให้อีก และ ไม่ให้ก็จะเกิดความลำบาก เพราะความโลภของมนุษย์ นั้นมีครับ ระวังหน่อยเรื่องพวกนี้ละเอียดอ่อน ต่อให้เอาไปให้ถูกคนก็อาจไม่ได้นำพาสิ่งที่ดี แต่ถ้ามีเงินเยอะ หรือ ต้องการเซฟ ก็แล้วแต่ครับ แต่ถ้าให้ผิดคน อาจนำพาความชิบหายมาสู่ตัวพลทหารได้ทันที ดังนั้นระวังหน่อยนึง

      และสำหรับพวกเด็กเส้น ถ้าเส้นดีจริง ก็สบายครับ แต่ถ้าเส้น งูๆ ปลาๆ อาจจะได้ผลลัพธ์ ตรงกันข้าม
      จริงๆแล้ว ไม่ต้องเส้นก็ได้ถ้าตัวพลทหารนั้นเตรียมร่างกาย กับจิตใจมาดี และ มีความระวังตัว เซฟตัวเองบ้างในบางครั้ง ไม่ต้องฟิตจนเด่นจนเกินไป แต่ก็ต้องไม่ด้อยจนเด่น

      ให้กำลังใจพลทหารครับ กรณีที่เขาร่างกายไม่ค่อยไหว ” อย่า ” ทะเลาะ ในวันญาติเยี่ยม
      อย่าให้เงินเขาหากหน่วยไม่ให้ใช้เงิน เพราะเงินนำพาความลำบากได้ไม่ใช่แค่ตัวเขา แต่อาจเป็นคนทั้งหมดทั้งร้อยกว่าคนที่ร่วมฝึก

      ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมเข้าใจในความเป็นห่วงของครอบครัว แต่ผมก็อยากให้ครอบครัวเข้าใจนิดนึงว่า เขา เข้ารับการฝึกทหารครับ ดังนั้นก็มีกฏ ที่ครอบครัวอาจไม่ทราบ รวมถึงสิ่งที่เขาไปเจอที่ครอบครัวอาจไม่เข้าใจ (สำหรับครอบครัวก็ … ไม่มีวันจะเข้าใจ … )

      ผมขออวยพรให้น้องคุณ ไม่เป็นไรครับ

  33. mike.ku says:

    พี่ครับ ผมจับได้ ใบแดง ทบ2 ลพบุรีครับ ที่นั่นได้ข่าวมาว่าฝึกหนักมากที่สุด มีแก้ผ้าคลาน หมอบ กลางแดด ไม่ทราบว่าจริงป่าวครับ แล้วผมต้องเตรียมร่างกายยังไงบ้างคับ

    • nitoniwatori says:

      ถ้าสิ่งที่คุณได้ยินมา ” แก้ผ้าคลาน หมอบ กลางแดด ” คุณไม่ทราบว่าจริงหรือ เปล่าสำหรับที่ ลพบุรี ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน …

      แต่ถ้าคุณมองว่านี่คือหนักมากที่สุด … ผมการันตีได้ว่า คุณจะพบอะไรที่ยิ่งกว่านี้ครับ…. เพราะสิ่งที่คุณว่าไม่ต้องไปไกลถึงลพบุรี ก็มีครับ… ผมไม่อยากใช้คำว่า เบสิค (ไม่ได้เพื่อเป็นการดูหมิ่นหรืออย่างไร แต่ ถ้าว่าแค่แก้ผ้าคลาน หมอบ กลางแดด คือ หนักที่สุด ผมคิดว่าไม่ใช่แน่นอนครับ)

      แต่ผมคิดว่าที่ลพบุรี คงไม่ได้ฝึกเบา แต่ถ้าคุณไปแล้วไม่เจอ แก้ผ้าคลาน หมอบกลางแดด ผมว่าน่าจะยาก (กลางแดดจะมันส์มากครับ ถ้าไปหมอบกลางยางมะตอยร้อนๆ ควันฉุยๆ ลงไปทีนี่ เด้งแล้วเด้งอีก เรียกว่า กลั้นใจกัดฟัน… กันเลยทีเดียว)

      ถามว่าเตรียมตัวอย่างไร คุณก็ไปฟิตร่างกาย เรื่องวิ่ง เรื่อง ดึงข้อ ซิทอัพ พื้นฐาน นั่นแหละครับ ทำให้ร่างกายแข็งแรง วิดพื้นขึ้นสุดลงสุด ทำให้ได้สวยๆ ทำให้เยอะ ถ้าทำติดกันได้ 2000-3500 ครั้ง คุณสำหรับวิดพื้นก็คงไม่ต้องกลัว แต่ถ้าคุณทำได้น้อยกว่านี้ แล้วคิดว่าจะไปเจอหน่วยฝึกหนักๆ ผมว่า คงต้องมีร้าว … นอกจากร่างกาย ผมว่าเตรียมใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แล้วก็ เรื่องพวกยาประจำตัว เตรียมไปให้ครบ อย่าให้ขาด

      ถ้าหน่วยนั้นหนัก ครีมนวด เตรียมไว้ได้เลย เพราะกล้ามเนื้อจะฉีกกระจุยกระจายครับ… เรียกว่าใครฟิต นี่ได้กล้ามแน่นอน … ส่วนใครไม่ฟิต ก็เตรียมป่วยครับ…

      ทบ.2 เข้า ปลายปี … คุณพักผ่อนให้เต็มที่ ทำสิ่งที่อยากทำ เพราะผมคิดว่าคุณจะห่างไกลจากอิสระ อีกนาน ชนิดว่าคุณอาจคาดไม่ถึง คุณอาจได้อยู่หน่วยยาว ครึ่งปี-ปี ไม่ได้กลับบ้าน ก็ได้ ผมไม่รู้ว่า ที่หน่วยแถวนั้นคัดคนลงไปใต้ด้วยเหมือนกันไหม… อาจใช้วิธีจับสลากหรือ อาสา…

      ใจสำคัญที่สุด ในการรอดพ้นการฝึก แต่ สำหรับหน่วยที่หนัก ผมบอกได้เลยว่า คุณรอดมาไม่ตาย ไม่พิการ… แค่นั้นก็ถือว่าบุญแล้วครับ ไม่ได้ขู่นะครับ แต่ อยากให้เตรียมใจเตรียมตัว แล้วถ้าเกิดเรื่องไม่ดี ขอให้มองคนที่มัน เจอหนักกว่าเรา เราไม่ได้โดนหนักที่สุดแน่นอนครับ สำคัญคือ อย่าปากตรง อาจจะฮาแบบผมได้ ใครทำอะไร ก็เนียนๆ ไปกับเขา ถ้าเด่นขึ้นมาจะเจอหนักกว่าครับ ไม่ว่าเด่นด้านดีหรือด้านไม่ดี

      ตอนไปเราก็ไปแต่ตัว สิ่งที่ต้องเตรียมก็มีแต่ตัวเราครับที่ต้องเตรียม วิ่งให้ได้เยอะๆ สก๊อตจั้มป์ น่าจะได้เจอ ถ้าท่าพวกที่ใช้ขา เราฟิตแล้วทำได้เยอะๆ หรือ ” เรื่อยๆ ” โดยไม่ต้องพัก จะสบายในช่วยฝึกครับ ขาสำคัญมากๆ เรียกว่ามากที่สุด เพราะหากขาเราเจ็บข้างนึง อีกข้างจะเจ็บในไม่ช้า อย่างแขนก็เหมือนกัน แต่ ขาเราใช้ตลอดเวลา เราตอบไม่ได้ว่าเราต้องวิ่งเวลาไหนบ้าง ต้องรีบแค่ไหน ตอนไหน … ยังไม่รวมเรื่องการแบกโหลดหนักๆ อาจได้แบกสัก 30-50kg หรือ มากกว่านั้น อาจเป็นชั่วโมง เป็นวัน หรือมากกว่านั้น ยังไม่รวมอุปกรณ์ต่างๆ อื่นๆของคุณที่ผมไม่รู้ว่าคุณจะได้เล่นอะไร… ผมว่าเดี๋ยวคุณเข้าไปก็จะปรับตัวได้เองครับถ้าใจมี ร่างกายพร้อม ไม่ต้องเป็นห่วงคนอื่นทำได้เราก็ทำได้ หรือ เราทำอะไรไม่ได้บางอย่าง… มันก็มีบางอย่างที่เราทำได้… (หรืออาจได้ทำ… เพื่อทดแทนสิ่งที่ทำไม่ได้)

      โชคดีครับ ขอให้ภูมิใจว่า คุณเป็นหนึ่งในไม่กี่คน ที่ได้เป็นทหาร …

  34. Anonymous says:

    ขอบคุณครับผม ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ข้อเท็จจริง เป็นประโยชน์มากครับพี่….ตอนนี้ผมไม่คิดไรมากแระครับ น้อยคนนักที่จะได้เป็น น้อยคนนักที่จะได้ฝึก น้อยคนนักที่จะทำได้….รับใช้ผืนแผ่นดิน ปกป้องพระเจ้าแผ่นดิน ผมจะสู้ครับพี่

  35. mike.ku says:

    ขอบคุณครับผม ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ข้อเท็จจริง เป็นประโยชน์มากครับพี่….ตอนนี้ผมไม่คิดไรมากแระครับ น้อยคนนักที่จะได้เป็น น้อยคนนักที่จะได้ฝึก น้อยคนนักที่จะทำได้….รับใช้ผืนแผ่นดิน ปกป้องพระเจ้าแผ่นดิน ผมจะสู้ครับพี่

  36. ทร.1 says:

    อยากสอบถามหน่อยครับ ,, ผมจับได้ใบแดง ทร.1 จะไปตอนต้นเดือนหน้า พฤษภานี้ครับ จะถามเรื่องการจัดฟัน เนื่องจากว่าผมตอนนี้จัดฟันอยู่ยังไม่เสร็จ มีเหล็กดัดในปาก ไม่ทราบว่าเค้าบังคับให้ถอดออกป่าวครับ หรือมีประสบการณ์เรื่องนี้กับเพื่อนๆในรุ่นที่มีคนจัดฟันไหมครับ ตอนนี้เป็นกังวลมากเพราะอยุ่ในช่วงที่ฟันกำลังจัดเรียงหมอ บอกถ้าถอดออกอาจทำให้ฟันล้มได้ พี่มีไรจะแนะนำผมได้บ้างไหมครับ พี่ช่วยตอบผมหน่อยนะครับ 🙂

    • nitoniwatori says:

      รุ่นผมไม่มีคนจัดฟันครับ… แต่ถ้าฟันหักกรามหักมีครับ… เกรงว่าลวดดัดฟันจะทำให้เราได้แผลซะมากกว่าผมว่า = =”

      ผมว่าถ้าไปแบบทั้งๆ ที่จัดฟัน เขาคงไม่เอาออก ถ้าไม่ทำให้เราเด่นก็โอเคครับ

      เพราะขนาดเหล็กดามขา เขายังไม่เอาออกเลยครับ … = =” ฝึกจนเหล็กดามขางอทะลุออกมา เตรียมใจไปก็พอครับ

      อีกอย่างนึงที่พี่กังวล น้องอาจไม่มีเวลาแปรงฟัน ให้มันสะอาด หรือ น้ำอาจจะไม่พอ (อย่างของพี่ขันเดียวทำทุกอย่าง วันไหนโชคดีได้สามขัน … ลองคิดว่าแค่บ้วนปากแปรงฟันมันก็เยอะแล้วบางทีถ้าเจอขันเดียวพี่จะแปรงใช้น้ำลายเอา… (แอบแปรง) … ส่วนน้ำ ประหยัดไปทำไม ? .. ไม่ใช่อะไร เอาไว้กินครับ = =”… อาบนิดเดียว… )

      ถ้าไม่ได้เจอหนักๆ ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ขอแค่อย่าแหลม ก็พอครับ

  37. Ammmm says:

    ได้อ่านบทความนี้แล้วรู้สึกว่าตนเองได้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้นเลยค่้ะ พอดีแฟนหนูจับได้ ทบ. 2/56 น่าน ซึ่งที่หนูเป็นกังวลมากคือ ตอนนี้เค้าจะนำทหารเกณฑ์ลงไปฝึก 3 จังหวัด ทำให้หนูรู้สึกเป็นห่วงแฟนมากเลยคะ เลยอยากถามพี่ว่าการที่นำทหารเกณฑ์ลงไปในพื้นที่ 3 จังหวัด เค้ามีการคัดเลือกอย่างไร เอาตามความสมัครใจหรือบังคับคะ รบกวนพี่ช่วยตอบคำถามให้หนูคลายความกังวลหน่อยนะคะ ขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    • nitoniwatori says:

      ที่ไปรู้มา รู้มาจากไหนครับว่า นำทหารเกณฑ์ลงไปฝึก 3 จังหวัด ??

      ปกติแล้ว ขั้นตอนการฝึก มักจะให้ฝึกไม่ไกล จากหน่วยที่สังกัด (หรืออาจฝึกภายในหน่วยที่สังกัด) การลงสามจังหวัด ที่มีการประทะ นั้น มีกรณีเดียว เท่านั้นที่จะไปทั้งหมด คือ หน่วยรบพิเศษ บางหน่วย (ซึ่งต้องผ่านการฝึก ส่วนมากต่ำๆ คือ 6 เดือน ครับ หรือ ฝึกหนักๆ เลย 3 เดือน) เท่าที่ผมเคยทราบคือลง รอบล่ะ 6 เดือน แล้วแต่จำนวนรวมของทหาร แต่อาจมีบ้างบางคนที่ไม่ได้ลง (ส่วนน้อยสำหรับหน่วยรบพิเศษ)

      ส่วนทหารเกณฑ์ ปกตินั้น อาจมีบ้างที่ มียอดเรียกกำลังพล ลงไป แต่อาจ ผลัดล่ะ คน หรือ กองร้อยล่ะ คน แปลว่าต้องจับสลากกัน หรือ อาจ หาอาสา ครับ ซึ่งส่วนมาก ผลัดกัน ลง 3 เดือน (ปกติ จะถามหาอาสาก่อน หากไม่มีต้องจับสลากกัน ครับ)

      ทหารทุกนายที่ลงปฏิบัติงาน สามจังหวัด จะได้ เบื้ยเสี่ยงภัย เพิ่มจากปกติ

      รอ เขาติดต่อกลับมาครับ เป็นห่วงไป คุณก็ ” ช่วยอะไรเขาไม่ได้ ” ใช่ไหมครับ ?

      สิ่งที่ผมแนะนำ บรรดา แฟนๆ ที่มี แฟนเป็นทหารได้คือ พยายาม ” อย่าทะเลาะ ” เพราะการเป็นทหารมันก็เครียดระดับนึงอยู่แล้ว (สำหรับคนที่ติดหน่วยที่ลำบาก) ไม่ว่าเรื่องฝึกหรือ อิสระภาพที่หายไป …

      เป็นทหาร มันเลิกเป็นไม่ได้ มีแต่หนี ดังนั้น ต้องเข้าใจครับว่า น้อยมากที่คนนอกจะช่วยเหลือ อะไรได้

      คุณเป็นห่วงเขาได้ แต่ผมไม่อยากให้กังวล เพราะว่า สุดท้ายคุณก็ทำอะไรไม่ได้หากเขาไม่ติดต่อมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาฝึก โดยปกติ ไม่อนุญาตให้ติดต่อโลกภายนอกครับ

      เข้มแข็งนะครับ

  38. Pompam says:

    พี่คะ สอบถามหน่อย แฟนหนูติดทหาร ผลัด2/56 เพิ่งไปเมื่อ วันที่ 3 ค่ะ ตอนนี้ก้คงฝึกได้ประมาน 7 วันแล้วมั่งค่ะ
    วันที่เขาไปถึง เขาหยอดเหรียญโทรมาบอกหนูว่า ถึงแล้วนะ ได้กรมสรรพาวุธ จทบ.ก.ท. ซึ่งหนูอยากรุว่ามันยุตรงไหน เข้าดูในเว่บก้ไม่รุเรื่อง พี่ช่วยบอกหนูที ว่า จทบ.ก.ท. เนี่ย ใน กทม มันยุตรงไหน. แล้วมันมีที่เดวไหม หรือว่ามันแยกย่อยออกไปอีก ช่วยตอบหนูทีนะคะ ใช่ที่ยุแถวพระราม 5 รึเปล่าคะ ขอบคุนล่วงหน้าค่ะ

    • nitoniwatori says:

      ถ้า จทบ.ก.ท. (จังหวัดทหารบกกรุงเทพ) นะครับ

      145 ถนนพระราม 5 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300

      ก่อนอื่นผมคงต้องเอ่ยก่อนว่า ผมเองตอนนี้ ” ไม่ได้รับราชการทหารแล้วนะครับ ”
      และผมเองก็เป็น แค่อดีต ทหารเกณฑ์ คนนึง ครับ ดังนั้น รายละเอียด เรื่องภายในหน่วยต่างๆ (ซึ่งมีมากมาย กว่าผมจะรู้จัก หรือ จะจำ หรือ จะสนใจ ได้หมด) ผมอยากรบกวนให้ลองพยายาม หาข้อมูลดูเองนะครับส่วนนี้

      ผมไม่สามารถตอบได้ว่า หน่วยนั้นเป็นไงหน่วยนี้เป็นไง หากไม่ใช่หน่วยที่ร่วมฝึกกับผม หรือหน่วยผมเอง เพราะ การเป็นทหารเกณฑ์ นั้นปกติ สังกัดหน่วยเพียงหน่วยเดียวตลอดระยะเวลารับราชการ ครับ (น้อยที่จะได้ย้าย หรือ เกิดความผิดพลาด)

      และ นอกเหนือจากเรื่องภายในหน่วยตัวเอง ผม … ใช้คำว่า พวกผม (พวกทหารเกณฑ์) ก็ไม่มีเวลาที่จะไปใส่ใจเรื่องหน่วยคนอื่น หรือ สนใจอยากศึกษาเรื่องของทุกหน่วย หรอกครับ … (ยกเว้นพวกบ้าทหารจริงๆ อาจจะ)

      กรณีนี้ให้ติดต่อทางบ้านเขา สอบถามทางญาติ จะง่ายกว่า และ หากทางญาติ ไม่รู้ ให้สอบถาม สัสดีเขต ที่เขาอยู่ สัสดีจะ มีข้อมูลรายละเอียด

      ” ที่ถูกต้อง ”

      ว่าเขาตอนนี้ได้รับการฝึกอยู่ที่ไหน หรือ อาจมีรายละเอียดว่า เปิดให้เยี่ยมญาติเมื่อไหร่ ด้วยซ้ำครับ

      อย่าคาดหวังเรื่องการรับโทรศัพท์จากเขา ในช่วยเวลาการฝึก สามเดือนแรก เพราะเป็นอะไรที่ยากมากครับ คุณอาจสามารถติดต่อกับเขา โดยใช้วิธี เขียนจดหมาย…

      (ลอง Search คำว่า จดหมาย … ผมไม่แนะนำให้เขียนเท่าไหร่ ครับ)

  39. Anonymous says:

    ขอบคุณสำหรับข้มมูลดีๆ ที่มาเล่าสู่กันฟังนะคะ ตอนนี้แฟนฉันก็ไปเปนทหาร คงลำบากน่าดู แต่ก็น่าภูมิใจนะคะ ครั้งนึงในชีวิตลูกผู้ชาย ก็อย่างที่คูณว่า ประสบการณ์แบบนี้ คงหาที่ไหนไม่ได้แน่ๆ

    • nitoniwatori says:

      ขอบคุณสำหรับ Reply เช่นกันครับ ขอให้คุณแฟนปลอดภัยครับ

      อันที่จริงบันทึกนี้เดิมที ผมอยากเขียนไว้อ่านเองคนเดียว (ด้วยความที่ผมเป็นคนที่ชอบเขียน Diary และอ่าน Diary ของตัวเองเพื่อดูความคิดตัวเอง ในอดีต… แต่เป้าหมายสมัยก่อนที่ผมเขียนส่วนใหญ่เพื่อระบายความไม่สบายใจของตัวเอง หรือ พยายาม ให้ตัวเองรู้สึกตลกกับมัน… )

      แต่ที่ผมตัดสินใจเอามาโพสลงในนี้ (ซึ่งถามว่าเสี่ยงไหมก็สุ่มเสี่ยง เพราะ ตามกฏของทหารแล้ว … เรื่องไม่ดีไม่ควรพูด แต่เนื่องด้วยการที่ผมอาจมีบางครั้งที่ตอบตรงไปตรงมา อาจอ่านแล้วรู้สึกคาบเกี่ยวได้ บางท่านไม่ว่าในนี้หรือข้างนอกชอบถามผมเกี่ยวกับความคิดเห็นเรื่องของทหาร เรื่องการฝึก … บางทีมันก็ลำบากใจที่จะตอบ แต่ทุกคำตอบ ” ส่วนใหญ่ ” ผมตอบจากใจครับ เลยอาจมีไม่ถูกใจ หรือ อาจถึงขั้นผิดกฏ เรื่องบางเรื่องผมถึงอาจเลี่ยงไม่ตอบบ้าง ตอบอ้อมๆ บ้าง… บางคนไม่เข้าใจความรู้สึกหรือความลำบากใจของผม เนื่องจาก คนถาม ไม่จำเป็นต้อง รับผิดชอบอะไร แต่ผมซึ่งเป็นผู้ตอบ นั้นตรงข้ามครับ ผมมีตัวตน และ พิสูจน์ ได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะหน่วยสังกัด หรือ ที่อยู่…)

      เป้าหมายผมในตอนนี้คือ อยากให้มันได้เป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย เพราะ ในอดีต ผมไม่สามารถหาข้อมูลเหล่านี้ได้เลย ไม่มีใครบอกอะไร ผม … ส่วนผลที่ได้นั้น … ทำให้ผมเสียใจจนถึงทุกวันนี้ …

      แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังคงดีใจที่ผ่านทุกอย่างมาได้ … และ มีวันนี้ ได้มาเล่าความรู้สึกบางส่วนให้กับคนอื่นๆ ที่ผมอาจรู้จักหรือไม่รู้จัก …

      • Anonymous says:
      • lumnammoon says:

        ผมอายุ25อะครับ จะสมัครเป็นทหารโดยใช้วุฒิปริญญาตรี ผมจะโดนเตะไหมครับ แล้วทำยังไงไม่ให้ผมเด่นครับ

      • nitoniwatori says:

        ขอตอบคุณ lumnammoon นะครับ

        ผมมีรุ่นน้องอยู่ท่านนึงตอนเข้ามาฝึก เขาก็อายุ 29 ปีแล้ว… และ เข้าก็ได้รับการฝึกแบบเดียวกันกับเพื่อนครับ… (คงเข้าใจนะครับ แบบเดียวกัน)

        ตลอดการฝึกหากคุณไปเจอที่ๆ เข้มของจริง ผมบอกได้เลยว่ายังไงก็ต้องเจอครับมากน้อยแตกต่างกันไป
        คิดเสมอว่า ทหารไม่ใช่รับน้อง มหาลัย หรือ รด.

        ถ้าคุณเจอของจริง เขาก็ฝึกจริงๆ แหละครับ อาจมีตายมีเจ็บ อย่างที่ผมบอกสิ่งที่คุณควรเตรียมคือ ร่างกาย และ จิตใจ รวมถึงยาประจำตัว

        ทำยังไงไม่ให้เด่น การที่คุณ จบปริญญามาสมัคร ก็จะเด่นระดับนึงแล้วล่ะครับ รวมกับอายุที่มากกว่าเพื่อนร่วมรุ่น ซึ่งจะเด่นขึ้นไปอีกหากสถาบันที่คุณจบ
        มีชื่อเสียง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือ การที่เราทำได้แบบเพื่อน ในการฝึก หรือ ในการถูกลงโทษก็ตาม และ การที่เรามีความรักเพื่อนฝูงร่วมหมู่ร่วมรุ่นได้อย่างจริงใจ
        นี่จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราอบอุ่นมากขึ้นในระหว่างการฝึกครับ คุณต้องเข้าใจก่อนระดับแรก อย่าแบ่งแยกใดๆ กับเพื่อนร่วมรุ่น … ไม่ว่าเรื่องอายุ การศึกษา ฐานะ … ความเป็นมา ฯลฯ
        เพราะนั่นคือการที่คุณจะแยกออกไป

        ต่อมาอย่าขายเพื่อน … (ขออภัยครับ ผมเองไม่รู้จักคุณตื้นลึกหนาบางผมไม่ได้ว่าคุณนะ แต่ผมเตือน) การขายเพื่อนจะทำให้คุณเจอหนักมาก
        โดยเฉพาะที่ๆ หนักอยู่แล้ว… แม้ว่าเพื่อนทำความผิดใดๆ … คุณต้องตัดสินตัวเองได้ว่า คุณควรทำอย่างไร

        ผมยกตัวอย่างให้นะครับ … หมวดผม เคยมีปัญหาอยู่ครั้ง ในการเป็นหมวดทำความสะอาดโรงเลี้ยง (เก็บกวาดโรงอาหาร)
        เพราะเป็นที่รู้กันว่าในการฝึกที่หนัก ความกระหายน้ำมันมาก มากเกินห้ามใจ… จนต้องแอบกินน้ำ ที่ต้องกรอกให้คนอื่นกิน

        ครับคนหลายคนแอบกินน้ำ (ครั้งนั้นผมไม่ได้แอบกิน) พอรวมแถวหลังทำความสะอาดเสร็จ ปรากฏว่า มีบางคนที่
        ” ปากเปียก ” เพราะแอบกินน้ำแต่ลืมเช็ดปาก ….

        แน่นอนครับ ว่าเกมส์ (ยอมรับสารภาพ) … เพื่อนผมคนนั้น ชื่อไอ้แว่น (นามสมมุติ)
        ครูฝึก คาดคั้นไอ้แว่น โดยการสั่งลงโทษ เพื่อให้รับสารภาพว่า ได้แอบดื่มน้ำ… (แต่มันแอบดื่มจริงๆ)
        แน่นอนว่า ไม่ใช่ไอ้แว่นคนเดียวที่โดน แต่คือ โดนทั้งหมวด จนกว่าแว่นจะรับ
        (เรื่องจริง คือ นอกจากหลักฐานปากเปียกแล้ว ยังมีครูคนอื่นที่แอบเห็นว่ามีคนในหมวดดื่มน้ำ)

        ประเด็นคือ … แว่นดัน พูดออกมาว่า ” คนอื่นก็กินเหมือนกัน “… นั่นคือจุดเปลี่ยนครับ

        และ หลังจากนี้ แทนที่เพื่อนจะเห็นใจหรือ อยากช่วยเหลือแว่น ให้ผ่านกิจกรรมต่างๆ ไปได้…
        ก็กลายเป็นนิ่งเฉยๆ หรือ ไม่สนใจ แทน…

        ขอให้โชคดีครับ สมัครไปเป็นทหาร อยากให้คิดว่า เรากล้าใจได้ คุณยังหนุ่มยังแน่น ทำได้แน่ครับ

        อย่าหนีอย่าถอย แต่ผมขออย่างนึงว่า ถ้ามันสุดแล้วจริงๆ ขอให้เซฟตัวเองไว้บ้าง เพราะว่า ในการฝึกนั้น
        มีหลายวัน อย่างต่ำก็สองเดือนกว่า …

        สิ่งที่ทำให้รู้สึกดีที่สุดในการฝึกคือ การมีเพื่อนร่วมหมวด ที่เข้าใจ แม้มันอาจไม่ใช่บัดดี้ แต่จะช่วยได้มากครับ
        ในการที่คุณได้คุยกับเพื่อนบ้าง
        (โดยไม่ต้องยึดเรื่อง อายุ / การศึกษา ฯลฯ เป็นทหาร มองแต่รุ่นครับ เข้ามาก่อนคือพี่ มาด้วยกันคือเพื่อน มาที่หลังคือน้อง …
        แม้แต่นายสิบ ที่มาอยู่หน่วยทีหลังพลทหาร ถ้าเขาดี เขาก็จะคิดเช่นเดียวกัน กับ พลทหารที่อยู่ก่อนหน้าเขาครับ 🙂 )

        คุณสมัคร จะได้เป็น 6 เดือน ไวมากครับ เทียบกับผมที่เป็น 2 ปีเต็ม… ฉนั้น ขอให้ผ่านการฝึกไปได้นะครับ เอาใจช่วย
        แล้วหากปลดประจำการ หรือ อย่างไร ก็แวะเวียนมา Comment ที่นี่อีกได้ครับ เพื่อเป็นวิทยาทาน แก่คนรุ่นหลัง 🙂

  40. ติด ทบ.1 เฉยเลย says:

    หนักใจมากคับพี่ ร่างกายผมบอกเลยไม่พล้อมมาก เวลาเตียมการก็ไม่มี วันที่หนึ่งเดือนหน้าก็รายงานตัววันที่ สามก็ไปและ ควรทำไงดี

    • nitoniwatori says:

      น้องว่าร่างกายน้องไม่พร้อม น้องก็ต้องพยายามทำให้มันพร้อม เอาง่ายๆ ถ้าน้องวิดพื้นได้ ซิทอัพได้ วิ่งได้ นั่นถือว่าค่อนข้างโอเคแล้ว พี่เป็นโรคหอบ เพื่อนพี่ที่รุ่นเดียวกันดามเหล็กที่ขาสองข้าง ก็ยังผ่านกันมาได้ ถามว่าเหนื่อยไหมท้อไหม ตอบเลยว่ามาก … แต่เพื่อนที่ดีช่วยให้เราผ่านมันไปได้ สิ่งที่สำคัญมากๆ คือ ใจ

      พี่ขอโทษน้องด้วยที่ตอบได้ล่าช้า เพราะตัวพี่ประสบอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาลเมื่อต้นเดือน พึ่งได้เห็นข้อความน้องวันนี้ หวังว่าน้องจะได้อ่าน

      สิ่งที่สำคัญคือจิตใจของเรา พี่บอกน้องได้ว่าถ้าน้องไม่ได้มีเหล็กดามในร่างกายหรือ สายตาสั้น 3-4 พัน น้องจะผ่านมันไปได้ในที่สุด ขออย่างเดียว อย่าพยายามหนีเด็ดขาด ยิ่งหากเข้าฝึกแล้ว และ อย่าทำอะไรนอกลู่นอกทาง คิดเสมอน้องคือทหาร คือ ผู้ที่เสียสละ มันคือวิทยาลัยของ ลูกผู้ชาย ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้เป็นได้ไปที่นั่น หลายคนหนี ขอให้น้องภูมิใจที่น้องไม่ได้หนีและ พยายามเต็มที่ให้ผ่านมันไปได้ …

      ในเวลานี้พี่ให้น้อง พักผ่อน กับเพื่อน กับทุกคน เตรียมตัวเพื่อรับการฝึก ล่ำลา ทุกอย่าง เพราะ การฝึกจะกินเวลาน้อง ร่วม 3 เดือน (แล้วแต่หลักสูตรของแต่ละหน่วยฝึก) ซึ่งอย่างน้อยๆ พี่คิดว่า เดือนแรก หรือ เดือนครึ่ง ที่น้องจะปราศจากการรับรู้เรื่องราวภายนอก และ ไม่ได้รับการติดต่อจากใคร … มันอาจไม่ใช่ช่วงเวลายาวนานสำหรับภายนอก แต่ ถ้าน้องได้เข้าการฝึก น้องจะเข้าใจได้เองว่ามันนานมาก …

      อยู่ให้รอด ขาสำคัญมาก สิ่งที่สำคัญ อย่าเด่น อย่าด้อย … น้องจะปลอดภัย อย่าแสดงความอ่อนแอออกมา แต่ก็ต้องเซฟตัวเองรู้ ลิมิทด้วย .. สำคัญ อย่าโต้ตอบ อย่าใช้อารมณ์ ไม่ว่ากับใคร

      พยายามทำให้คู่บัดดี้ เป็นเพื่อนเราได้จริงๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนเลว คนดี หรือ เคยผ่านเรื่องราวแบบไหนมา เคยเข้าคุกฆ่าคน หรือ เป็นโจร น้องต้องเข้าใจเขาและให้เขามองว่าเราคือบัดดี้ ให้ได้ แล้วน้องจะสบาย

      เรื่องการประจบ พี่ไม่แนะนำ แต่ถ้าน้องจะทำก็คือสิทธิ์ของน้อง บางคนใช้การประจบ ครูฝึก/ ผช.ครูฝึก เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ …

      น้องอาจเจอ ผช.ครูฝึก แย่ๆ ที่ข่มขู่รีดไถ ได้ พี่ไม่มีคำแนะนำ แค่น้องควรรู้ว่านั่นอยู่ที่การวางตัวของน้องเอง อย่างที่พี่บอก อย่าเด่น อย่าด้อย … ถ้าน้องเด่น หรือ ด้อย คนจะจำน้องได้ แต่ถ้าน้องสามารถรับภาระหน้าที่ได้ มันก็ไม่ใช่ปัญหา …

      พี่เองไม่ใช่คนเข้มแข็ง แต่ก็ถูกคัดให้เป็น รองหัวหน้าหมวด เพราะ ใจที่พี่พยายาม ถึงร่างกายพี่ไม่ได้
      และพี่บอกได้เลยว่า พี่อยู่ได้ จนครบ สองปี ของชีวิตทหาร เพื่อนคือสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้น ขอให้จริงใจต่อเพื่อนที่ดีต่อเราเสมอ แม้น้องจะปลดประจำการแล้วก็ตาม

      สุดท้าย พี่ขอให้น้องโชคดี ครับ ส่วนน้องจะตัดสินใจอย่างไร พี่เคารพในสิทธิ์ ของน้องครับ

  41. ขอบคุณบล๊อคของพี่มากเลยนะคับ ผมอ่านหมดทุกหน้าเลย และพี่ก็ยังอุสาใจดีตอบทุกคำถามที่มีคนมาสอบถาม
    และเล่าถึงเรื่องดีและไม่ดีในนั้นให้คนได้ทราบ ซึ่งคนที่จะพูดแบบนี้มีน้อยมากคับ จากที่ผมไล่ๆอ่านมาหลานๆเวป
    บ้างคนจะอวยกันเกินไป คนไม่ติดทหารหรือไม่เคยพบเจอก็พูดได้ แต่กระทู้แบบนี้ดีมากคับ นำเสนอแบบตรงไปตรงมาดี ไม่มีมาพูดให้ตัวเองดูดีหรืออวยกันเกินไป ขอบพระคุณพี่มากคับที่แบ่งปันความรู้ที่หาที่ไหนไม่ได้

    ซึ่งตัวผมเองก็เพิ่งได้เข้าไปรับคัดเลือกมาเมื่อเมษาที่ผ่านนี้ ผลเป็นไงนะหรอคับดำ151แดง21 และหนึ่งใน172นั้นผมได้หยิบออกมา คือท.บ.2 ราชบุรี สตั๊นไปสองวิเลยคับ ในใจเราตอนจับนะ รอดๆแน่ ก่อนจับเล่นไว้เยอะด้วย จับเสร็จพิมพ์ลายนิ้วมือวัดเสือเสร็จ ผมกลับบ้านทันใดเลย เพื่อนๆรวมรุ่นที่มาจับด้วยก่อนจับตั้งวงกันอยู่ ผมนี้ลาเลย พวกรอดกันหมด ตอนนี้ก็ใช่ชีวิตให้คุ้มๆอยู่ ช่วงเดือนหลังก็จะออกกำลังกายเตรียมตัวรับบทหนักแล้ว ไหนจะบุหรี่ ไม่ไหวก็ต้องไหว พวกเพื่อนๆผมก็เพิ่งปลดกลับมาเมื่อวานยิ้มแยมหน้าบานเลย555 ส่วนตัวผมก็พยามคิดในแง่ดีไว้
    เพราะสมัยก่อนเกเรเรียนไม่จบ ยังน้อยๆก็คิดไว้ก็ได้วุฒิการศึกษาออกมาติดตัววันปลด
    ขอบคุณสำหรับเรื่องร้าวของพี่ที่เคยได้พบเจอและนำมาเล่าสู่ให้รุ่นน้องยังผมได้อ่านมากเลยนะคับ

    • nitoniwatori says:

      ผมเข้าใจความรู้สึกครับ สิ่งที่ผมทำผมคิดว่าผมควรแชร์ ประสบการณ์ ของผม (ถึงแม้มันอาจจะยากที่จะพูด บางอย่างที่พูดลำบาก คือผมอาจไม่ได้พูดทั้งหมดทุกอย่างที่ผมรู้ เพราะมันจะกระทบทั้งผมและคนที่เกี่ยวข้อง)

      แต่สิ่งที่ผมพยายามทำคือ การให้ในสิ่งที่ผมไม่เคยได้ … นั่นก็คือ ความเข้าใจพื้นฐานว่า เราจะเจอสิ่งใดบ้าง ในการรับใช้ชาติด้วยการเป็นพลทหาร (ไม่ว่าเต็มใจหรือ ทำตามหน้าที่ก็ตาม)

      เพราะผมเคยไม่รู้อะไรเลยกับสิ่งที่จะต้องไป เจอ … หลายคนเข้ามาบอกว่าไม่เป็นไร ฝึกเดี๋ยวนี้ไม่มีมือไม่มีเท้าแล้ว …

      ซึ่งจากประสบการณ์ ที่ผมผ่านมาทำให้เข้าใจได้ว่า … การฝึกหนักเบานั้น จะขึ้นอยู่กับส่วนประกอบหลายอย่าง ตั้งแต่ สังกัด หน่วย ยัน ผู้ที่ลงทำการฝึก / หลักสูตรที่นำมาใช้ .. และ รวมถึง พลทหารที่เข้ารับการฝึกเอง …

      อย่างที่ผมเคยเกริ่นเสมอ และ ยังคงยืนยันคำเดิมว่า ตัวผม ไม่ได้อยากเป็นทหาร (ถ้าอยากผมคงสมัครไปแล้ว นี่คือความจริงใจที่ผมมี แน่นอนว่าผมจะไม่พูดว่า อยากเป็นทหารแต่เสียดายจับไม่โดน เพราะ ผมจับได้เต็มๆ ชนิดหมึกแดงทะลุกระดาษ แบบไม่ต้องสืบ…)

      แต่ถ้าถามผมว่า ผมภูมิใจไหม ผมภูมิใจ ทุกวินาที ที่ผมสวมชุด ทุกวินาที ที่ผมเป็นทหารครับ ทุกวันนี้ผมก็ยังคงสวมแหวนรุ่นอยู่แม้จะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม

      หลายคนอาจเข้าใจว่า การฝึกทหารนั้นอาจหนักมากเกินไป แต่อีกมุมนึง จากประสบการณ์ ตรงที่ผมได้ผ่านมา
      แม้ตัวผมอาจไม่ได้เข้มแข็งมากเท่าใครหลายๆ คนและ แน่นอนว่า ผมไม่ได้อยู่หน่วยที่โหดที่สุด แต่สิ่งที่ผมบอกได้ ว่าทำไม การฝึกทหารของบางหน่วย ถึงได้หนัก จนบางครั้งอาจมีคนที่ไม่สามารถผ่านการฝึกหนักนั้นไปได้ บางคนที่เอาชีวิตไปทิ้งไว้ ณ หน่วยฝึก แทนที่จะเป็นสนามรบ ….

      เพราะทหารทุกคน โดยเฉพาะหน่วยสำคัญ นั้นหากเหตุการณ์เกิดขึ้น พลทหารจำเป็นที่ต้องเข้าร่วมการรบจริง ซึ่งในสนามจริง ซึ่งนั่นคือความเป็นความตาย (แม้ตัวผมเองจะไม่ชอบสงคราม แต่ หากมันมาถึง ในฐานะ ทหารมันก็จำเป็นที่เราต้องทำหน้าที่ๆ ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทำ … เพื่อปกป้องคนที่เรารัก) … การทำสิ่งที่เหนือกว่าขีดจำกัดของตัวเรา ความกดดันทั้งร่างกายจิตใจ เลยเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกที่จำเป็น ไม่ว่ามันจะหนักแค่ไหน ผมอยากให้คุณเข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิด มีสติ เพื่อพาตัวเองให้รอดการฝึก

      ครับถึงแม้ว่า หลายคนอาจแย้งว่า ทหารที่ผ่านฝึก หลายหน่วยก็ทำอยู่แค่ ตัดหญ้า ขุดคลอง ปลูกผัก เลี้ยงหมู หรือ อาจเป็นคนใช้ ของนายทหารบางนาย … แต่นั่นก็ไม่ใช่ทุกหน่วย หน่วยรบสำคัญๆ บางหน่วย อาจมีการฝึกตลอดเวลา เรียกว่า อาจมีคืนหมาหอน ได้ทุก เดือนเลย ก็มี … ซึ่งความหนักเบา มันก็แตกต่างตามหน่วยสังกัด นั่นแหละครับ

      พอเข้าใจอะไรหลายอย่าง ผมก็เลยอยากแชร์ ประสบการณ์ มุมหนึ่งที่ผมเคยผ่าน เพื่อให้ น้องๆ รุ่นหลัง ได้เตรียมร่างกาย เตรียมหัวใจ เพื่อ เข้ามหาลัยลูกผู้ชาย แห่งนี้ ที่ๆ ไม่ใช่ ทุกคนจะได้เข้าไป ไม่ใช่ทุกคนที่จะผ่านมันไปได้ ….

      สิ่งนึงที่ผมดีใจคือ การที่สิ่งของผมทำไม่ได้สูญเปล่า อย่างน้อย มันก็ได้ช่วยใครสักคน ให้เข้าใจมากขึ้นในสิ่งที่ต้องไปเจอ

      วันนึงหากคุณได้ผ่านการฝึก แล้ว หรือ วันที่คุณได้ปลดประจำการแล้ว … จะแวะมาเยี่ยมเยือน เพื่อแชร์ ประสบการณ์ ผมก็ยินดี หรือ คุณ จะแชร์ มันที่อื่นก็ตาม ซึ่งนั่นก็จะทำให้ผมดีใจ ….

      แม้ผมเองก็มีหลายสิ่งที่สูญเสียไปในการรับใช้ชาติ แต่ ผมก็มีบางสิ่งที่ได้มาเช่นกัน ประสบการณ์ ที่ไม่อาจหาเจอในโลกภายนอก และ การเข้าใจในตัวเราเอง ยามเมื่อถึงขีดสุด ได้เห็นตัวเรา ได้เอาชนะขีดจำกัดของตัวเอง ความกลัว … ได้เข้าใจผู้คน ได้เป็นผู้ให้แม้ในยามที่ไม่มีใครให้อะไรกับเรา มันไม่ได้แปลว่าเราให้พวกเขาไม่ได้ เช่นกำลังใจกับเพื่อนร่วมหมวด

      คตินึงที่ผม ยึดถือตลอดการเป็นทหาร (รวมถึงยามนี้ที่เป็นพลเรือน) คือ ใครดีให้ดีตอบ ใครร้ายมาให้เลี่ยงเสียเวลาแต่จดจำการกระทำของเขา เพื่อเรียนรู้และเข้าใจ … เพราะ ชีวิตเราชีวิตนึง ไม่ได้ยาวนัก แต่สิ่งที่เราต้องทำอาจมีมากกว่าเวลาที่เรามีและเราก็ตอบไม่ได้ว่าเรามีเวลาเท่าไหร่ ….

      ผมอาจทำมันไม่ได้ไม่ดี แต่ผมก็ได้ทำมัน … ขอให้ เพื่อนๆ น้องๆ และ พี่ๆ หรือ หมู่ จ่า ที่ผ่านมา ทำหน้าที่ของเราได้ อย่างที่เราต้องการ และ ให้สิ่งต่างๆ ผ่านไปด้วยดี … และ ขอแสดงความเสียใจ ต่อบางท่านที่ต้องเสียชีวิตไม่ว่า ในการฝึกหรือ ในการปฏิบัติหน้าที่ …

      ผมเอาจะเอาใจช่วย น้องๆ ทุกคนที่ เข้ารับราชการทหาร ให้ผ่านทุกอย่างไปได้นะครับ

      สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จิตใจ และ สติ … เพื่อนทหารผมหลายนายได้พิสูจน์ ให้ผมเห็น หลายคนมีสภาพร่างกายที่แย่กว่าผมแต่ทำได้ดี บางคนมากกว่าคนที่ร่างกายสมบูรณ์ …. และ สิ่งที่จะทำให้เรามีชีวิตรอดผ่านการฝึกและชีวิตในกองร้อยไปได้ ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ” มิตรภาพ ” ของ เพื่อน และ หมู่จ่า ที่เราได้รับ และ เราได้ให้พวกเขา … ดังนั้นใครดีมาขอให้ดีตอบเสมอ ความจริงใจจะเอาชนะ ได้แม้คนที่อาจคิดร้ายต่อเราในครั้งแรก

      ขอให้พวกคุณภูมิใจ ในการที่คุณได้เอาชนะตัวเอง และ เก็บทุกๆ ประสบการณ์ ไม่ว่าดีร้ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้มันสอนเรา ในวันข้างหน้าที่คุณต้องเจอสิ่งต่างๆ อย่าลืมความยากลำบากที่คุณเคยเจอ ความเจ็บปวดไม่ว่าร่างกายจิตใจ ที่คุณเคยผ่าน … และ มิตรภาพที่เคยได้รับ

      ขอให้โชคดีครับ
      อาทิตย์ นี้ผมเองก็เข้ารับผ่าตัดเหมือนกัน หวังว่าผมก็จะผ่านมันไปได้ 🙂 แต่ถ้า Blog แห่งนี้ไม่มี Reply ใดๆ อีก นั่นก็แปลว่า ผมอาจถึงเวลาแล้วน่ะครับ ยังไง ผมก็คงไม่ลบ Blog นี้ ข้อความเหล่านี้อาจอยู่ไปได้อีกหลายปี ที่จริงผมอยากพิมพ์ยาวกว่านี้ แต่ ผมคงต้องพักให้ร่างกายพร้อม เข้ารับการผ่าตัดเหมือนกัน 🙂

      ขอบคุณนะครับ สำหรับทุกท่านที่แวะเวียนมา อ่าน หลายท่านยอมสมัครสมาชิค เพื่อตอบข้อความ บางท่านติดตามมาสนทนาติดตามหาผม หรือ ขนาดโทรมาขอบคุณ … มันทำให้ผมรู้สึกดีมากครับ 🙂

  42. พอดีแฟนหนูไปจังหวัดตาก พลัด2 ไปวันที่1ที่ผ่านมาคือหนูเป็นห่วงเขามาก จะได้เยี่ยมญาติเมื่อไรหรอค่ะ เพราะบางคนก็บอกเดือนหนึ่ง บางคนก็บอกสักสองอาทิตย์คือหนูอยากรู้อ่ะค่ะ tt

    • nitoniwatori says:

      เดือนนึงถูกแล้วครับ โดยประมาณ หากเลท อาจมี เดือนครึ่ง ยังไงรอทางหน่วยประกาศจะดีกว่าครับ แต่ละหน่วยการฝึกอาจแตกต่างกันได้

  43. เรียกผมว่า "น้องเล็ก" คับ says:

    สำหรับคนอื่นๆนั้นผมไม่รุ้ว่าจะคิดแบบไหนกันก็อย่างว่าล่ะคับต่างคนต่างความคิด แต่ ในความคิดส่วนตัวผมการเป็นทหารนี้ เปนอะไรที่ผมฝักใฝ่มาตลอดเลยก้อว่าได้ตั้งแต่เล็กจนโตมีความคิดเปนของตัวเองและอะไรมาพอสมควรแต่ความคิดที่จะเปนทหารให้ได้ยังมีอยู่ในหัวตลอดและพยายามเก็บเกี่ยวความรุ้ด้านการทหารให้ได้มากที่สุเพื่อเตรียมตัวก้าวสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่เล็กจนโตครอบครัวผมเหมือนยุในชนชั้นที่ตํ่าสุดในสังคมแต่ก้อยังพอมีคนคบหาสมาคมยุ่บ้างแต่ไม่เคยจะเทียบติดครอบครัวอื่นๆเลยชีวิตผมและครอบครัวนั้นเหมือนต้องคำสาปเลยก้อว่าได้ พอจะลืมตาอ้าปากได้หน่อยก้อมีเรื่องอะไรสักอย่างเข้ามาสะกัดไว้ไม่รุ้ทำไมเหมือน แต่ถะว่าตัวผมนั้นเปนคนที่มีความคิดแตกต่างจากคนอื่นๆเสมอและเปนคนที่ทำตามใจตัวเองค่อนค่างมากยุ่แต่ด้วยประสบการณ์ที่มีผมคิดว่ายังไม่พอ ผมจึงหยิบเอาความใฝ่ฝันที่ยุ่ลึกๆในหัวขึ้นมาพิจารณาและสังเกตุการณ์ตัวเองมาตลอดชีวิดที่ผ่านมาจึงค้นพบว่าสิ่งผมต้องการทุกอย่างคื่อต้องเริ่มจากการพุ่งชนเป่าหมายใหญ่ที่ตั้งไว้ให้ได้เสียก่อน แต่โอ้!ชีวิตมีอะไรตั้งเยอะแยะ…ความฝันนี้ได้มาสะดุดเมื่อมาประสบพบความรักที่ต้องการพอดีนับจากวันที่คบหากันมาก้อเกือบสองปีแล้วแต่บังเอิญว่าเธอคนนี้ไม่ค่อยชอบข้าราชการ ทหาร-ตำรวจ สักเท่าไหร่นักในระยะหลังเรามีการทะเลาะบ่อยครั้งเพราะเรื่องนี้แต่ผมก้อพยายามอธิบายให้เธอฟังมาตลอดจนท้ายที่สุดเธอก้อเข้าใจผมและสนับสนุนยุบ้างแต่คงต้องผ่านอะไรอีกมากกว่าจะสมหวังผมจึงตัดสินใจและเปิดอกคุยกับเธอในเรื่องการเปนทหารในอีกสองเดือนกว่าข้างหน้านี้ กำหนดคือ 09/04/2559 เวลา 06:30 น.ต้องถึงที่นัดหมายก่อน ผมจึงได้มาหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเตรียมตัวไว้ให้พร้อม และได้มาเจอกับบันทึกของพี่คนนี้และทุก “คอมเม้น”ของพี่ๆทุกคนและผมก้อรุ้สึกว่าผมพร้อมขึ้นอีกเยอะเลยคับต้องขอบคุนพี่ๆทุกคนมากเลยคับ ทีนี้ก้อเหลือแค่รอวันนัดหมาย จะเปนยังบ้างน๊าาาเรา
    ขอรุ่นพี่ทุกอวยพรส่งผมด้วยนะครับ( ^ _ ^ )++++
    นี้อะไรในใจก่อนเปนทหาร แต่หลังเปนทหารผมจะกลับมาแชร์อีกนะครับ ( “ทบ.1 เฮ้!!!!!!!!!!!! ” ) ไว้เจอกันใหม่คับพี่ๆ🙏🙋🙋🙋

    • nitoniwatori says:

      สิ่งที่สำคัญที่สุดคือใจ รองลงมาคือร่างกาย … ถ้าคุณคิดจะเป็นทหารเกณฑ์ มันก็คือการเป็นทหารในช่วงเวลาจำกัด แต่ถ้าคุณคิดจะไปเป็นทหารอาชีพ (ชั้นประทวน และ ชั้นสัญญาบัตร) ก็อาจตลอดชีวิต

      การเป็นทหารเกณฑ์ เป็นช่วงเวลาที่ไม่นาน (ถามผม 2 ปีนานไหมก็นานเรียกว่านานพอจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของหลายๆ อย่าง เช่นครอบครัว หรือ แฟน บางคู่ เลิกกันภายในเวลา 2 ปี อาจเพราะความห่าง อาจเพราะความไม่เข้าใจและการไม่มีเวลาให้)

      แต่การเป็นทหารอาชีพ อาจแตกต่างออกไป (บ้าง) คือ บางคนอาจเป็นตลอดชีวิต อันนี้แหละ คนรอบตัวต้องเข้าใจ โดยเฉพาะคนที่เลือก ไปอยู่หน่วยที่อันตรายกว่าหน่วยอื่น (ทหารเกณฑ์ เลือกสังกัดได้ กรณีสมัคร แต่ก็ไม่สามารถเลือกหน่วยได้ เว้นเสียแต่ว่า …. ใช้วิธีด้านมืด)

      แต่ไม่ว่าจะเป็นทหารแบบไหน ใจ ก็คือสิ่งที่สำคัญ เพราะในสังคมทหารนั้น อาจมีความแตกต่างจากสังคมภายนอกอยู่ระดับนึง (เอาจริงๆ ก็ค่อนข้างมาก)

      แม้ใจคุณจะอยากเป็นทหาร แต่ผมขอบอกไว้ก่อนหากคุณไปเจอหน่วยที่เขาฝึกหนัก การเป็นทหารมันไม่ใช่แค่เข้าไปใส่เครื่องแบบแล้วได้เป็น ทหารหน่วยที่เข้มงวด คุณจะไม่มีอิสระ … เวลาส่วนใหญ่คือเวลาที่ทุกคนอยู่ใน ระเบียบ ปฏิบัติภายใต้คำสั่ง และ บางหน่วย เราอาจไม่ได้กลับบ้านเลยเป็นเวลา นาน มากกว่าที่เราเคยได้ยินจากข้างนอกว่า กลับทุกเดือน … บางคนที่ผมได้ยิน เป็นปีกลับหนก็มี ส่วนของผม ก็ ร่วมครึ่งปี ถึงอย่างไรในยุคสมัยนี้ ในช่วงหลังฝึกขึ้นกองร้อย เรายังมี มือถือ ที่สามารถใช้ติดต่อสื่อสารกับคนภายนอกได้ และ หลายๆ หน่วยมักเปิดให้เยี่ยมได้ ในวันหยุดราชการ (แน่นอนว่า ต่อให้เป็นวันหยุด พลทหาร ก็ใช่ว่าจะมีอิสระ ได้ออกจากหน่วยตามใจชอบ …)

      นอกเหนือจากใจของเราและร่างกายที่ควรเตรียมให้พร้อม (แน่นอนว่าคุณอาจได้ไปอยู่หน่วยที่ฝึกเบาๆ ไม่เข้มงวด และสบายก็ได้ แต่ผมอยากให้เตรียมใจไว้เผื่อหากเจอหน่วยที่ฝึกหนัก)

      สิ่งที่สำคัญมากคือ การมีน้ำใจต่อเพื่อน ร่วมหมวด ร่วมกองร้อย …. และ การเป็น ” รุ่นพี่ ” ในแบบที่เราต้องการ
      วันที่คุณเข้าไปเป็นน้องใหม่ คุณอาจเจอรุ่นพี่ หมู่จ่า หลายคน ซึ่ง ย่อมมีทั้งที่ดีและไม่ดี นิสัยแตกต่างกันไป

      วันนึงที่คุณเป็นรุ่นพี่เขา .. ขอให้คุณเป็นคนที่คุณอยากเจอ ในวันที่คุณเป็นรุ่นน้อง …

      ขอให้โชคดีครับ

      • ว่าที่ ท.บ says:

        ว่ายน้ำไม่เป็นสามารถเป็นทหารบกใด้ใหมครับ

  44. nitoniwatori says:

    สำหรับคุณ ” ว่าที่ ท.บ ”

    ว่ายน้ำไม่เป็นสามารถเป็นทหารบกได้ครับ
    เป็นทหารเรือก็ยังได้ เพราะสุดท้ายก็ต้องฝึกแต่ยังไงทหารบกก็เจอน้ำน้อยกว่า
    เว้นเสียแต่ว่าเจอลงฝึกพิเศษหลักสูตรต่างๆ (สมัครไปเอง) อาจได้ว่ายน้ำครับ

  45. Anonymous says:

    พี่่ค่ะหนูอ่านแล้ว พี่เก่งมากเลย หนูอยากรู้ว่าเดือนแรกที่่ฝึกทหารเราส่งจดหมายได้ไหมค่ะ พอดีแฟนติดทหารอากาศค่ะ…..ตอบหน่อยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

  46. พึ่งผ่านมาอ่าน says:

    การศึกษากับอายุยิ่งสูงยิ่งเด่นต้องรองรองรับทั้งงานหลวงงานราษย์ ผมเกณฑ์ตอนอายุ 30 ปี วุฒิปริญญาโท(ผ่อนแล้วผ่อนอีก)ต้องรับผิดชอบทั้งงานเอกสาร สอนกศน งานเทคนิค(คอมพ์ โทรทัศน์ โทรศัพท์ อื่นๆมากมาย ผมเป็นเด็กเนิร์ด จบมาด้านคอม) แต่ปริมาณการฝึกไม่ได้ลดลงเลย ตรงข้ามกับมากกว่าคนอื่นอีกเนื่องจากมักโดนซ่อมโดยไม่ทราบสาเหตุหรืออาจทราบ เช่นหมั่นไส้ โดนหาว่าบ้านรวยซึ่งไม่เป็นความตริงครับ (ปริญญาโทกับตรีสามารถจบได้ใช้เงินไม่มากถ้าเข้าเรียนภาคปกติของรัฐได้ นอกจากนั้นมีการกู้ยืมกองทุนได้นะครับ) เรื่องการตรวจร่างกายก่อนการคัดเลือกหามาตรฐานไม่ได้เลยยืนยันได้ครับบางคนแค่นิ้วงอไม่ผ่าน บางคนกระโหลกยุบหมอต้องเฉือนสมองออกบางส่วนดันติดทหาร ผมเจอมาแล้วอยู่หน่วยเดียวกันสมองมีปัญหาทำอะไรช้า มีอาการคล้ายคนปัญญาอ่อน

    • nitoniwatori says:

      ทำใจครับ ผมก็งงเหมือนกันว่าคัดกันมายังไง แต่อย่าว่าเลย ผมเองก็เป็นหอบ มีประวัติการรักษาชัดเจน คิดว่าก็ยังดีที่รอดมาได้ แต่ก็แย่เหมือนกัน จริงๆ ผมก็สูญเสียหลายอย่างที่คนอื่นไม่เข้าใจ ผมสูญเสียการได้ยิน ผมเสียเวลาในการฝึกทักษะอาชีพ ของผม (ผมเล่นดนตรี) เวลาสองปี ในชีวิตไม่มากก็จริงแต่ก็ไม่น้อย มันก็คืออีกหนึ่งประสบการณ์ คือ ก็เจอทั้งที่แย่และที่ดี แต่พูดตรงๆ ที่ดีๆ ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ แต่ก็นั่นแหละครับ อาจเพราะ ผมไมไ่ด้ยินดีกับความสูญเสีย ที่เกิดขึ้นกับตัวผม เพราะมันมากและคนอื่นไม่สามารถเข้าใจ ความเจ็บปวดของผม ผมทำได้แค่พยายาม แนะนำ คนอื่นๆ และ หวังว่าจะไม่เป็นแบบผม

      • ขอคำแนะนำ says:

        เราควรเตรียมร่างกายยังไงบ้างครับ
        เช่น วิ่งอย่างไร ดันพื้นกี่ครั้ง ดึงข้อกี่ครั้ง สกอตจั้ม ลุกนั่งกี่ครั้ง ทำติดต่อกันนานไหม
        ผมเข้าฟิตเนสเป็นประจำ อย่างน้อยหุ่นผมก็น่าจะทำให้เด่นกว่าคนอื่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงผมจะยกหนักได้ แต่ผมไม่อึด ทำติดต่อไม่ได้ในหลายๆครั้ง

      • nitoniwatori says:

        ถ้าวิ่งต่อเนื่องได้เกิน 3 ชั่วโมงติดกันโดยไม่พัก ผมว่าถือว่าคงไม่ต้องกังวลเรื่องเจอวิ่งหนักๆ
        ส่วนดึงข้อซิทอัพ อะไรนี่ผมว่าไม่ต้องเน้นมาก เพราะร่างกายคุณน่าจะทำได้ดี (กว่าหลายๆคน) อยู่แล้ว หลักๆ คงเป็นพวกวิ่งกับ ออกกำลังพวกขา เพราะขาสำคัญ มากๆ

        ถ้าคุณวิดพื้นได้ 1000 ครั้งต่อเนื่อง โดยไม่บาดเจ็บ ผมถือว่า แขนคุณน่าจะไม่มีปัญหาใดๆ ครับ ส่วนมากที่หนักอย่างที่ผมบอกคือ ขา เพราะขาต้องใช้ตลอด อย่าง สก๊อตจั้ม จะเป็นปัญหามากๆ ยิ่งกับคนตัวใหญ่น้ำหนักเยอะ (อย่างผม) ปกติแล้ว ส่วนมาก จะไม่เจอหนักเกินกว่า 500 ยก (ต่อครั้ง ต่อท่า คือถ้ามากสุดที่ผมเคยเจอคือ 1000 ยก แต่ผมไม่รู้ว่าหน่วยอื่นเล่นกันเท่าไหร่ แต่ 1000 ยกไม่ว่าท่าไหน ก็เป็นชั่วโมงครับกว่าจะทำจบ… ยังไม่รวมเจอแกล้งสั่งทำใหม่เวลาทำไม่พร้อม (จริงเขาไม่ได้แกล้ง แต่มันไม่พร้อมกันจริงๆ ถ้าออกมายืนดูข้างนอกจะเห็นชัดมากเถียงไม่ได้แน่นอน))

        ถ้าสก๊อตจั้ม สลับทีนึง นับ 1 …. เจอ สั่ง 1 ยก ก็คือเราสลับขา ทั้งหมด 4 ครั้ง นับ 1 2 3 1 …
        ดังนั้นถ้าคุณจะทำให้ถึง 500 ยก ก็คือสลับทั้งหมด 2000 ครั้ง … ถ้าคุณทำได้ต่อเนื่อง ก็สบายครับ จะมีหนักกว่านี้ก็ พรหมสี่หน้า ที่กินขามากหน่อย แต่คุณทำอันนี้ได้ พรหมสี่หน้ามา คนอื่นก็ดับก่อนคุณแน่ครับ

        ถ้าหุ่นคุณเด่น คุณก็น่าจะเจอลองดีตามธรรมดา แต่ถ้าคุณฟิต ความถึกรอไว้เลย ผมว่าคุณยิ่งได้หุ่นเพิ่มครับ ถ้าทำตามไหว คุณจะไม่ค่อยเจอนอกเกม …. แต่ถ้าคุณไปกวนหรือท้าทาย พูดลักษณะหยอกล้อ แล้วไม่เข้าหูอาจเจอนอกเกมยาวๆ ได้ครับ …

        สำคัญที่สุด ถ้าคุณพลาดแล้วทุกอย่างแย่ ยังไงก็ให้ทนให้ผ่านไปให้ได้ ครับ อย่าหนีช่วงฝึกเด็ดขาด อันนี้ผมเตือนจริงๆ ไม่ว่าคุณจะเจอหน่วยหนักหน่วยเบายังไง ก็อย่าหนีตอนฝึก เพราะ หากเจอจับได้จะทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ครับ

        สภาพร่างกายคุณดีกว่าคนอื่น คุณผ่านไปได้แน่นอนครับ ยังไม่รวมหากคุณเจอหน่วยที่ฝึกไม่โหดมาก หรือ เจอรุ่นที่ครูฝึกใจดี …. แล้วก็เตรียมยาสำหรับโรคส่วนตัวไว้ครับ ที่เหลือ ก็เตรียมใจ สู้ๆ ครับเอาใจช่วย

  47. แล้วถ้าเรามีการผ่าตัดที่ขาแต่วันที่จับใบดำใบแดง เราดันจับได้ใบแดง อยากทราบว่าวันที่เค้าเรียกรายงานตัวสามารคนำใบรับรองแพทย์ไปให้ที่หลังได้ไหม

    • nitoniwatori says:

      ผมไม่เห็นข้อความนี้ใน Email ของผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผมคิดว่าผู้ถามน่าจะรู้คำตอบแล้ว

      คือ ผมไม่แน่ใจว่าเป้าหมายของผู้ถามคือการเลี่ยงผลของใบแดง ด้วยการยื่นใบรับรองแพทย์ตามหลัง เพื่อให้ไม่เข้าข่ายต้องไปเป็นทหาร ?
      ผมคิดว่ากรณีหาก การผ่าตัดทำให้พิการ อาจจะได้ … (แต่ผมบอกเลยว่า เพื่อนรุ่นผมใส่ เหล็ก วิ่งกันจนเหล็กโผล่เลยทีเดียว บางคนก็เหล็กดามหลังร้องปวดๆ ทั้งคืน)

      แต่ถ้าไม่พิการและยิ่งหายภายในกำหนด เรียกรายงานตัว ผมว่า น่าจะหมดสิทธิ์ อะไรใดๆ …

      แต่หากหายไม่ทันจริงๆ ผมเดาว่าอาจมีการยอมให้เลื่อนผลัด ? แต่ถ้าใกล้จะหายน่าจะจับลงฝึกแล้วเข้ากลุ่มป่วย (ไม่ได้สบายนะครับบอกไว้เลย ถ้าป่วยขาเจ็บ ก็ทำอย่างอื่นที่ไม่ต้องใช้ขาครับ หรือ ใช้ขาข้างเดียว … ผมเจ็บทั้งขาและมือในการฝึกสุดท้ายก็ดันพื้นด้วยขาและมือข้างเดียว แลกกับการไม่โดนเป็นอย่างอื่น)

      ยังไงก็ต้องขออภัยที่ตอบช้าข้ามปี เพราะ ปีนี้งานผมวุ่นวายมาก

  48. Anonymous says:

    ขอสอบถามค่ะ ทหารเกณฑ์ผลัด 2 เค้าเดินสวนสนามกันเดือนไหนคะ

Leave a reply to ขอบคุณครับ Cancel reply